PharmaCafe.com

มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ

เภสัชกรคนหนึ่งอยากเลิกแขวนป้าย (สนองนโยบาย สภาเภสัชกรรม)
แต่พี่ร้านขายยาไม่ยอม บอกว่าต้องหาคนมาแทนก่อน
และไปที่ สสจ.เพื่อยกเลิกร้าน แต่พี่ สสจ  ยังไม่รับเรื่อง
พร้อมกับบอกให้มาทำเรื่องอีกทีวันหลัง
มีคนเคยบอกว่า สสจ จะเข้าข้างร้านยา (จิงป่าวไม่อยากจะคิดแบบนั้น)

แบบนี้ควรทำยังไงดีล่ะคะ

อันนี้มันเป็นการกระทำส่วนบุคคลค่ะ ที่ว่าจะเข้าข้างร้านยารึเปล่า (เพราะ คน=ปนเปทั้งคนดีและคนไม่ดี) ส่วนการที่เราจะขอยกเลิกสัญญากับทางร้านก็เข้าไปทำที่ สสจ.ถือเป็นการตัดสินใจของเราค่ะ แต่ถ้าให้ดีควรประนีประนอมตกลงกะร้านก่อนว่าจะยังไง เอาแบบพอใจทั้ง 2 ฝ่ายให้มากที่สุด บางที่เราอาจแสดงน้ำใจหาคนอื่นมาแทนให้ด้วยยิ่งดีนะคะ
ส่วนการตัดสินใจเลิกแขวนป้ายนั้นเป็นความคิดที่ดีมากๆขอชื่นชมค่ะ

เป็นการกระทำส่วนบุคคลที่เจอกันหลายจังหวัดครับ

เลิกไปเลยไม่ต้องสนใจครับ เป็นสิทธิของเรา

ถ้า เภสัชเลิกแขวนป้ายเยอะ แล้วร้านยาจะหาเภสัชกรมาแทนได้อย่างไร
และถ้าหาเภสัชมาแทน ก็เป็นการแขวนป้านเหมือนเดิม  แค่หาตัวตาย ตัวแทน ไหมคะ

ผมเชื่อว่าพี่ที่สสจ.สามารถหามาแทนได้ครับ
น้องอาจจะอ้างว่าเอาไปแขวนที่อื่รก็ได้นี้ครับ
แล้วก็ไม่แขวน
เราทำกันแบบสุภาพชนดีมั้ย

ในความคิด(นะ)
ผู้ที่แขวนป้ายน่าจะเป็นเภสัชกรที่ทำงานโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สาธารณสุข เภสัชกรที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้ใบประกอบ เช่น Detail เพราะว่า สสจ. โรงพยาบาลส่วนใหญ่ทำงานเลิกไม่เกิน 5 โมง ก้อไปแขวนกันตอนเย็น (แต่บางคนก้อไปอยู่จริง) จริงๆ สภาเภสัชกรรม น่าจะให้เภสัชกรที่มีใบประกอบทุกคนไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหน สายงานอะไร จะต้องลงทะเบียนไว้กับ สสจ. ว่าทำงาน Full time ที่ไหน ช่วงเวลาใด เหมือนกับเภสัชกรที่คุมร้านยาทุกคน จะได้รู้ว่าใครอยู่ที่ไหน จะเริ่มเข้าทำงาน ออกจากงาน ก็ต้องไปเซนต์ออกกับ สสจ. ด้วย (แต่บางคนก้อต้องทำงานเปลี่ยนสถานที่ อย่าง detail พวกนี้แน่นอนไม่มีเวลาอยู่ร้านยาทุกวันได้แน่นอนว่ามั้ย) ก้อเปงทางหนึ่งนะเนี่ย ทีนี้ก้อจะมีกลุ่มที่ยื่นทำงานคุมร้านยาช่วงเย็น ซึ่งเยอะมากจ ะทำอย่างไรกับกลุ่มนี้ดี คิดไม่ตกจริงๆ ให้ อย. สสจ. (ข้าของแผ่นดิน) ทำงานล่วงเวลาดีมั้ยเนี่ย มี OT ด้วย อิอิ อยากอยู่นะเนี่ย เค้าจะมีเวลามั้ย แค่เวลาราชการยังไม่มีเวลาไปตรวจร้านยาเลย แถมบางคนยังรู้เห็นเป็นใจกับร้านเพื่อแขวนป้ายซะเอง จริงๆ ผู้คุมกฏต้องเคร่งครัด จริงจังกับหน้าที่ให้มากกว่านี้ แล้วเรื่องพยาบาลที่ไปเปิดร้านอีก ก็เพราะใครอีก สสจ.อีกนั่นแหละ ไม่ควบคุม ใน สสจ.ก้อมีทั้งเภสัชกร แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข เป็นผู้ควบคุมกฏ แต่เรื่องภายในวิชาชีพต้องทำให้ได้และดีก่อน แล้วค่อยไปยุ่งกะวิชาชีพอื่น

สรุป ผู้คุมกฏต้องเป็นผู้คุมจริงๆ

ผมจะไม่แขวนป้าย ด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม นอกจากจะอยู่ที่นั่น ณ ตอนนั้น ผมเราจะเลิกแขวนป้ายก็เลิกไปเลย มันไม่มีสัญญานี่ครับ ว่าต้องแขวนป้ายกี่ปี ไม่ครบปีแล้วจะตัดเงิน ป้ายของเรา จรรยาบรรณของเรา อย่าแขวนป้ายกันเลยนะ สงสารน้องๆ ที่จบใหม่ ถ้าพวกพี่ๆ เลิกแขวนป้ายกัน ร้านก็จำเป็นต้องจ้างเภสัชกร พวกน้องๆ จบใหม่ก็จะได้งานทำ โดยเฉพาะต่างจังหวัด ตอนนี้งานเริ่มหายากเหลือเกินแล้ว คิดแล้วเศร้า พี่ๆ อย่าเอาส่วนต่างแค่ไม่กี่พัน/เดือน เพื่อแลกกับอนาคตของน้องๆ เภสัชของพวกพี่เลยนะครับ ขอร้อง

ตามกฏแล้ว เราแจ้งล่วงหน้า(ถ้าจำไม่ผิดล่วงหน้าหนึ่งเดือน)ว่าต้องการเลิกเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการร้านนั้นๆ แล้วก็เลิกได้เลย โดยเป็นหน้าที่ของเจ้าของร้านที่ต้องหาผู้ปฏิบัติหน้าที่ใหม่เอง แต่ส่วนใหญ่เภสัชจะใจดีหาให้

หึหึหึ..จะบอกว่าเหตุการณ์แบบที่เจ้าของกระทู้บอกเนี่ย เจอมากับตัวเองเลยล่ะ เพราะเห็นว่าเป็นคนรู้จัก
ตอนแรกตกลงว่าจะช่วยแค่เดือนเดียว แต่ก็อ้างมาเรื่อยว่ายังหาเภสัชไม่ได้ ๆๆ
สสอ.น่ะ ตัวดีเลย จะไปแจ้งยกเลิก ก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าเรายกเลิก แล้วจะหาเภสัชที่ไหนไปแขวนต่อล่ะ (อ้าว รู้ทั้งรู้)
เข้าข้างเจ้าของร้านยาเห็นๆๆ สุดท้ายเรื่องแดง จนถูก สสจ.เรียกไปตักเตือนซะ หูชาไปหมด
แถมร้านนั้นยังเปิดขายอยู่ได้ในช่วงระหว่างการหาเภสัชมาแขวนต่อไปได้อีก
บร้ากันไปใหญ่ล่ะ

.
.
.
เคยเลวอ่ะ แต่ตอนนี้เลิกแระ

ยากจะเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการแขวนป้าย เพราะแนวคิดนี้บางรายเริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา (เจอบุคคลแบบนี้หลาย)

สัตว์บางชนิดกระทำการใดๆยังมีจิตสำนึก
การกระทำใดๆก็ตามที่ไร้ซึ้ง จิตสำนึก เป็นการกระทำที่ต่ำกว่าสัตว์
การแขวนป้ายเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก
ดังนั้นเภสัชที่แขวนป้ายก็ทำตัวต่ำกว่าสัตว์.

ผมหวังว่าสักวันในอนาคตข้างหน้าผมจะเห็นเภสัชกรไทย ไม่มีการแขวนป้าย
ไม่รู้ว่าจะได้เห็นไหม เห้อ...