PharmaCafe.com

จากการสังเกตจะเห็นว่าบุคคลที่เป็นกรรมการสภาเภสัชกรรมส่วนใหญ่จะมาจากภาคการศึกษา ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ทำให้มักมีทัศนคติที่ไปในทางเดียวกันทำให้บางครั้งการมองประเด็นไม่ค่อยเปิดกว้างสักเท่าใดนัก

จึงอยากถามว่า
1. "เภสัชกรตัวน้อยๆ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตหรือมาจากภาคการศึกษา แต่มีไฟที่จะทำเพื่อวิชาชีพหมดสิทธิ์เป็นกรรมการสภาเลยหรือ ?"
2. "ระบบตรวจสอบการทำงานของกรรมการสภาเภสัชกรรมเป็นอย่างไร ? "
3. "ใครคือผู้มีสิทธิ์สมัครเพื่อรับเลือกเป็นกรรมการสภาเภสัชกรรม ?"

อ้างถึง :

1. "เภสัชกรตัวน้อยๆ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตหรือมาจากภาคการศึกษา แต่มีไฟที่จะทำเพื่อวิชาชีพหมดสิทธิ์เป็นกรรมการสภาเลยหรือ ?"
2. "ระบบตรวจสอบการทำงานของกรรมการสภาเภสัชกรรมเป็นอย่างไร ? "
3. "ใครคือผู้มีสิทธิ์สมัครเพื่อรับเลือกเป็นกรรมการสภาเภสัชกรรม ?"

ตอบ :

1. สมาชิกสภาเภสัชกรรมทุกคนมีสิทธิเท่ากันหมด
2. ระบบตรวจสอบ สามารถเสนอเข้ามาได้
3. ดูได้ในเว็บ http://www.pharmacycouncil.org/html/htmlexpand/act.html
อยู่ในหมวด 3 มาตรา 15 ครับ

ประชาสัมพันธ์

เภสัชกรสมัครได้ทุกคนแหละครับ แต่ คนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากกว่าก็จะมีโอกาสได้รับคัดเลือกมากกว่าเป้นธรรมดา แล้วคนที่เป็นอาจารย์ก็ยอ่มจะมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ โอกาสที่จะได้รับคัดเลือกเข้ามาก็เลยมากกว่าเภสัชกรสายอื่น แต่ผมเห็นด้วยนะที่ว่า ทำให้มุมมองในการบริหารจึงไม่หลากหลาย

ถ้าใจผมก็อยากให้แต่ละสาขาส่งตัวแทนมาเป็นกรรมการสภามากกว่า เช่น สายโรงงาน สายการศึกษา สายการตลาด สายโรงพยาบาล สายเภสัชชุมชน ก็ส่งตัวแทนมาตามอัตตราส่วนการกระจายตัวของเภสัชกร เช่นในสายโรงพยาบาลมีมากหน่อยก็จะได้มีจำนวนตัวแทนมากหน่อย สายอื่นก็ลดหลั่นกันลงมาตามอัตตราส่วน เราก็จะได้ตัวแทนที่เป็นกรรมการสภาที่มีมุมมองในอัตตราส่วนที่เหมาะสมขึ้น

ความเห็นสอดคล้องกันครับ ผมเคยเสนอในกระทู้นี้ครับ

viewtopic.php?f=31&t=21068

เห็นด้วยครับ เคยเสนอช่วงแรกๆที่เป็นกรรมการ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนองค์ประกอบที่มีอยู่เดิมได้

เนื่องจากเป็นไปตามพรบ.วิชาชีพ 2537 หมวด 3 มาตรา 15(1) ,15(2),15(3) ว่าด้วยองค์ประกอบคณะกรรมการ

หากจะแก้ ต้องแก้ที่พรบ.วิชาชีพครับ

ดังนั้นความเป็นไปได้ก็คือแต่ละสาขาเลือกตัวแทนในสาขาของตน ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งจะดีกว่า

โดยส่วนตัวเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนวิชาชีพพอสมควร เพราะได้ลองแล้ว

และมีส่วนทำให้คณะกรรมการเข้าใจในบริบทของสาขาวิชาชีพที่เราทำอยู่ดีขึ้นครับ นอกจากนี้ยัง

สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการทำงานดีขึ้นกว่าการทำงานแบบตัวใครตัวมัน ทำให้เห็น

ภาพใหญ่ของวิชาชีพภาพเดียวกัน

น่าจะมีตัวแทนจากนิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์ด้วยนะ
เอาเป็นกรรมการแบบพิเศษเพราะยังไม่ได้เป็นเภสัชกร

เห็นบ่นเรื่องสอบใบประกอบทุกปี

แค่ทำให้มีการลงคะแนนได้มากกว่าหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็หรูแล้ว ครั้งก่อนถ้าจำไม่ผิดแค่ 20 กว่าเปอร์เซนต์เองมั้ง อนาถจิต !!!

ถ้าดูจากข้อมูลที่พี่ๆ ให้มาผมซึ่งเป็นเภสัชกรน้องใหม่ก็คงไม่มีทางที่จะเข้าไปผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เลยสินะครับ
ความจริงตัวเองตั้งใจไว้ว่าอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพในรูปแบบของการเปิดกว้างทางความคิดมาตลอดน่ะครับ แต่สงสัยวัยวุฒิ และอีกหลายๆ อย่างคงยังไม่อำนวยนะครับ

ประเด็นน้อง Eternity น่าสนใจครับ หากพวกเรามีใจช่วยงานกันจริง อยากให้เริ่มจากเวทีเล็กๆก่อนเช่นสมาคมฯเพราะหลายๆสมาคมฯขาดคนมีไฟช่วยงานและเวลาที่จะมาร่วมเสียสละ เวลานี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลางานแต่เป็นเวลาที่พอเจียดให้ได้บ้าง ร่วมคิดร่วมทำ เสนอแนะ สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ก่อนครับ

ถ้าพี่ๆ ท่านไหนใจดีช่วยชี้ทางให้กับน้องคนนี้ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพของพวกเราได้ช่วยแนะนำด้วยครับ


ปล. ตอนนี้น้องเรียนต่ออยู่คงยังไม่สามารถสังกัดสมาคมของสาขาวิชาชีพด้านใดด้านหนึ่งอย่างจำเพาะ แต่ถ้าเป็นสมาคมที่เป็นส่วนกลางไม่มีปัญหาครับ เพราะจริงๆ อยากทำงานแบบรับฟังความเห็นรอบด้านมากกว่าด้านเดียวอย่างที่ผมคิดว่าสภาฯเป็นอยู่ตอนนี้ครับ

ครั้งลองสมัครเลยครับ...
มันเหลือวาระอีกนานเท่าไหร่เนี่ย... หวังว่าพอถึงเวลาไฟยังไม่มอดนะครับ...

ขอตอบน้อง Eternity ครับ

ที่สมาคมเภสัชกรรมชุมชน(ประเทศไทย)ต้องการน้องๆไฟแรงมาช่วยกันคิดและทำงานเพื่อวิชาชีพและสังคมครับ

สามารถเริ่มจากการเป็นอนุกรรมการฯก็ได้ หากสนใจให้เบอร์ไว้แล้วสมาคมฯจะติดต่อกลับ อยากให้ลองทำงานดูก่อน

หรือต้องการสมัครกรรมการสมาคมฯก็จะมีของเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ที่กำลังจะหมดวาระ

ปีนี้เช่นเดียวกับสภาเภสัชกรรมครับ แต่ควรสมัครเป็นทีมครับ

เภสัชกรรมสมาคมนี่ต้องสมัครเป็นทีมเหรอครับ สงสัยจะยากแล้วล่ะครับเพราะเพื่อนผมแต่ละคนไม่มีใครสนเลยน่ะสิครับครับ เพราะลองคุยๆ เรื่องพวกนี้กับเพื่อนๆ มาสักพักแล้ว ผมรู้สึกว่าสิ่งแล้วนี้ทำให้สะเทือนใจที่สุด เพราะคนในวิชาชีพไม่สนใจที่จะพัฒนาวิชาชีพตนเอง พอเกิดปัญหาก็โทษคนนั้นคนนี้แต่ไม่มองตัวเอง เห็นแล้วกลุ้มครับ

จริงๆแล้วนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาเกิดขึ้นในทุกสาขาวิชาชีพครับ

แต่วิชาชีพเรามีปัญหาค่อนข้างมากกว่าวิชาชีพอื่น

และยังแยกย่อยเป็นหลายๆสาขา

ถึงแม้จะมีสมาชิกถึงสองหมื่นกว่า แต่ก็แยกเป็นหลายๆสาขา

ระหว่างสาขายังมีความขัดแย้งกันอีก

การแก้ปัญหาจึงต้องช่วยกัน ทะเลาะกันได้ แต่เพื่อวิชาชีพโดยรวมพวกเราก็รวมกันได้ด้วยครับ

สภาเภสัชในรอบสองสามปีนี้ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆเพราะวิชาชีพเรามีปัญหามากจริงๆ

งานเภสัชกรรม 100 ปี นับเป็นวาระสำคัญของวิชาชีพเพราะมีการทำงานร่วมกันของเภสัชกรในทุกสาขา

ทำให้ทราบปัญหาที่แน่ชัดและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาในแต่ละสาขา

ร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเป็นหนึ่งเดียว เราไปรอดแน่ครับ

พวกเราต้องให้ความสนใจและสนับสนุน แล้วสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับวิชาชีพของเรา

โดยส่วนตัวผมให้ความเคารพผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของงานนี้ที่ทุ่มเทจนทำให้เกิดเวทีอีกหลายๆเวทีในการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดเกิดเหตุครับ

ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณน้อง Eternity ที่มีความตั้งใจร่วมขบวนการ มี๑คนในสิบคนก็มากเกินพอครับ อย่าคิดมาก สบายๆๆ

หวังว่าจะเห็นน้องร่วมทำงานวิชาชีพในอนาคตอันใกล้นี้ ขอเชียร์ครับ

รู้สึกดีใจมากเลยครับที่ยังมีพี่ๆ หลายคนรวมทั้งผู้ใหญ่ยังพยายามช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวิชาชีพเรา
ถ้าพี่ๆ มีอะไรอยากให้ช่วยติดต่อผมได้ครับ อะไรที่ช่วยได้ยินดีเต็มที่ครับ


ปล. ถ้าพี่ๆ ไว้ใจเภสัชกรหน้าใหม่อย่างผมนะครับ