PharmaCafe.com

ขอประชาสัมพันธ์งานสัปดาห์เภสัชปีนี้ครับ

http://www.pharcpa.com/new_3/pharmacy%20week%2052.pdf

http://www.pharcpa.com/

ความเห็นจาก อ.มังกร ประพันธ์วัฒนะ และอ.วิทยา กุลสมบูรณ์ :

ข้อเสนอแนวทาง/ประเด็น สัปดาห์เภสัชกรรม
?สุขภาพคนไทย กับการใช้ยาปฏิชีวนะ?
เป้าหมาย
? เพื่อสร้างความตระหนักของเภสัชกรในการจัดการด้านยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะร้านยา และโรงพยาบาลที่มุ่งให้เกิดความปลอดภัย
? เพื่อให้ผู้ป่วยหรือประชาชนเข้าใจความสำคัญของการดูแล/ป้องกันตนเอง ที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ
? เพื่อส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายวิชาชีพผ่านกิจกรรมการรณรงค์

ประเด็นสำคัญ
ที่ผ่านมาการดำเนินการจะเหมือนไฟไหม้ฟาง ไม่เกิดความต่อเนื่องของการดำเนินการ สำหรับโครงการในปีที่ผ่านมา เรื่องยาขยะ ผลการดำเนินการเป็นอย่างไร ไม่มีคำตอบ
ดังนั้น ในโครงการปีนี้ มีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไรว่า จะมีหน่วยงานหรือร้านยาที่เข้าร่วมดำเนินการต่อเนื่องจนครบปี จะติดตามผลการดำเนินการอย่างไร แบบเก็บข้อมูลเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถประเมินผลกระทบภาพรวมของโครงการได้เลย

ข้อเสนอแนะจากที่ประชุมกรรมการสภาเภสัชกรรม
แบ่งระบบการจัดการจำแนกตามประเภทของสถานพยาบาล เช่น โรงพยาบาล ร้านยา และอาจใช้ theme antibiotic smart use เป็นแนวทางในการดำเนินการ

ร้านยา
ประเด็นที่ต้องการรณรงค์
1. ไม่ขายยาปฏิชีวนะที่เป็นปัญหาของระบบสาธารณสุข เช่น กาโน่ กาน่า
2. ไม่ขายยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยมาเรียกหา โดยไม่มีการซักประวัติที่ชัดเจน
3. ไม่จ่ายยาปฏิชีวนะในกลุ่มอาการที่สอดคล้องโครงการ Antibiotic Smart Use เช่น ไม่จ่ายยาปฏิชีวนะในกลุ่มอาการท้องเสีย อาการเจ็บคอ หรือแผลเลือดออก
4. หากต้องการซื้อยาปฏิชีวนะ ให้ซื้อจากเภสัชกรเท่านั้น
5. นำยาปฏิชีวนะที่มีการใช้อยู่มาขอรับคำปรึกษาจากเภสัชกร
6. ส่งเสริมให้เกิดการใช้ยากลุ่มอื่น ๆ ที่เหมาะสม เช่น ORS การใช้สมุนไพรช่วยในเรื่องการรักษา หรือการส่งเสริมเรื่องการดูแลแผลสะอาดได้อย่างไร

โรงพยาบาล
1. เน้นการสนับสนุนวิชาการ หรือการจัดการความรู้ที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ
2. เผยแพร่ความรู้เรื่อง การดื้อยาปฏิชีวนะที่สอดคล้องกับการประชุมวิชาการตามที่มีการรณรงค์
3. การดำเนินการเรื่อง drug use evaluation สำหรับยาปฏิชีวนะ โดยอาจเน้นยาที่เป็น third or fourth line drug
4. ส่งเสริมให้เกิดการดำเนินการเรื่อง Antibiotic Smart Use

ปัญหาที่ผ่านมา
ความล่าช้าของการสนับสนุนของส่วนกลาง หรือแนวทางการดำเนินการ

ประชุมวิชาการ ? สุขภาพคนไทย กับ การใช้ยาปฏิชีวนะ?

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน 2552 เวลา 8.30-16.30 น.
ห้องประชุมชั้น 12 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา โรงพยาบาลราชวิถี
CPE 5.25 หน่วยกิต
ลงทะเบียน 500 บาท ไม่รับลงทะเบียนหน้างาน
รายละเอียด http://www.thaihp.org หรือ 0-2249-9333

26 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม 2552

รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล โดยเฉพาะใน 3 โรคหลัก คือ ไข้หวัด เจ็บคอ ท้องร่วง ท้องเสีย และแผลเลือดออก
ติดป้าย ร้านยารวมใจ
แจกสื่อ แผ่นพับให้ความรู้
ร่วมรับสื่อเพื่อรณรงค์โดย ลงชื่อที่โต๊ะลงทะเบียนหน้างาน
ร้านยา / สถานพยาบาลต่างๆ /หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การแข่งขันกอล์ฟการกุศลเพื่องาน

แข่งขันวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2552 เวลา 11.30 น.
ณ สนามวินด์เซอร์ปาร์ค แอนด์ กอล์ฟคลับ สุวินทวงศ์ กรุงเทพฯ
อัตราค่าสมัคร : บุคคล 5,000 บาท
ทีมทั่วไป 20,000 บาท / กิตติมศักดิ์ 40,000 บาท (5 คน)
ถามรายละเอียด : สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)
02-713-5261-3

ถ้าไปไม่ได้แล้วอยากได้ข้อมูลตัวนี้มาทำงานวิจัย

ต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ทำจดหมายจากมหาวิทยาลัย ถึงสมาคมฯผู้จัดในปีนั้นๆครับ หรือสภาเภสัชกรรม

ร้านยา
ประเด็นที่ต้องการรณรงค์
1. ไม่ขายยาปฏิชีวนะที่เป็นปัญหาของระบบสาธารณสุข เช่น กาโน่ กาน่า
ทำไมไม่ไปห้ามที่ต้นตอละครับ ก็รู้ว่ามันมีปัญหา ให้ขึ้นมะเบียนมาทำไมแถมไปโฆษณาวิทยุอีก ตอนนี้ก็ทีซีมัยซิน500 แถมเสื้อด้วย ร้านยามันปลายเหตุ ไม่ขายเค้าก็ไปซื้อร้านอื่น แถมเราพูดมากๆโดนเกลียดอีก
2. ไม่ขายยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยมาเรียกหา โดยไม่มีการซักประวัติที่ชัดเจน
พยายามทำอยู่ครับ แต่ยิ่งทำยิ่งโดนมองว่าร้านนี้เรื่องมาก ซื้อยาแค่นี้ถามอะไรนักหนา เดี๋ยวรถเมล์มาแล้ว

3. ไม่จ่ายยาปฏิชีวนะในกลุ่มอาการที่สอดคล้องโครงการ Antibiotic Smart Use เช่น ไม่จ่ายยาปฏิชีวนะในกลุ่มอาการท้องเสีย อาการเจ็บคอ หรือแผลเลือดออก
ต้องแก้ที่การให้ความเข้าใจกับผู้บริโภคด้วยครับ
4. หากต้องการซื้อยาปฏิชีวนะ ให้ซื้อจากเภสัชกรเท่านั้น
อ้าว แล้วปล่อยให้หมอตี๋ขายยา เภสัชแขวนป้ายทำไมไม่จัดการล่ะครับ อันนี้หน้าที่ร้านยาเหรอครับ
5. นำยาปฏิชีวนะที่มีการใช้อยู่มาขอรับคำปรึกษาจากเภสัชกร
OK ได้ครับไม่มีปัญหา แต่บางทีเค้าก็ไม่เชื่อเราหรอกนะครับ เชื่อดีเจวิทยุชุมชน กะคนข้างบ้านบอกมามากกว่า
6. ส่งเสริมให้เกิดการใช้ยากลุ่มอื่น ๆ ที่เหมาะสม เช่น ORS การใช้สมุนไพรช่วยในเรื่องการรักษา หรือการส่งเสริมเรื่องการดูแลแผลสะอาดได้อย่างไร
ได้ครับ จัดให้

อยากจะบอกพี่ธีรวุฒิว่า เป็นเภสัชร้านยาบ้านนอกมันเหนื่อยครับ ระดับนโยบายไม่สนับสนุนคนดี ไม่จัดการคนไม่ดี ประชาชนก็มีความเข้าใจการใช้ยาแบบผิดๆจากพวกหมอตี๋ บริษัทยาเฮงซวยก็ไปสอนการใช้ยาผิดๆให้หมอตี๋ สอนการใช้ยาผิดๆให้ประชาชนผ่านทางวิทยุชุมชน เดี๋ยวนี้มีใหม่อีกแล้วครับ ขายอาหารเสริมและโฆษณาเกินจริงผ่านอินเตอร์เนต และระบบขายตรง ปวดกบาล

ขอบคุณน้องที่ให้ Feedback มามากมาย

ปัญหามีให้แก้ ขอตอบดังนี้ครับ

๑. เรื่องทะเบียนคงยาก เรื่องกม. เอาผิดได้ครับเพราะยาเหล่านี้เป็นยาอันตราย ห้ามโฆษณา

๒. เรื่องการซักประวัติเป็นมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ เพื่อความปลอดภัยของเขาและของเราครับ

๓. เห็นด้วยครับ ต้องให้ข้อมูลเป็น Educator ใน 7 stars pharmacist

๔. การให้ข้อมูลและการแสดงตนเป็นการสร้างความยอมรับ และเชื่อถือในเภสัชกรชุมชน

เราขายสิ่งเหล่านี้ให้ประชาชน ไม่ใช่ยา เราประกอบวิชาชีพ เงินจะมาเองจากการมาใช้บริการซ้ำและ

Words of Mouth ครับ

พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆและเพื่อนเภสัชกรทุกๆคนครับ

ทำไมไม่รณรงค์หรือจับจริงจังทั่วประเทศซักที เรื่องห้ามเภสัชการแขวนป้าย การขายยาชุด ไอ้พวกหน้าเงินไม่มีจรรยาบรรณล่ะ จะได้หมดปัญหา สภาเภสัชหรือ สสจ ทำงานเพื่อสังคมจริงๆเถอะ

เห็นด้วย เพราะปัจจุบันยังมีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมอีกเป็นจำนวนมาก แพทย์ชอบสั่งยา broad spectrum ให้กลุ่มโรคพื้นฐาน เช่น การสั่ง ciprofloxacin ให้ผู้ป่วยท้องเสีย หรือสั่งใช้ยาไม่เหมาะกับเชื้อ เช่น สั่งใช้ roxithromycin ในอาการปวดฟัน เป็นต้น

คุณลูกหมูและเภสัชกรทุกท่าน

หากเห็นด้วยก็ต้องใช้ประโยชน์จากความรู้ที่มีมาช่วยกันรณรงค์

เพราะผู้ที่ยังไม่ได้ทำ อาจเป็นผู้ไม่รู้ หรือยังไม่ได้ตระหนักความสำคัญ

นี่คือการแสดงบทบาทที่ชัดเจน วันนี้เราไม่จ่ายยาปฏิชีวนะ

วันหน้าเขาทราบความจริงหากเราทำพร้อมๆกัน เขาจะมาพึ่งพาเราเอง

เกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพคือตัวเรา เราต้องรัก เราต้องเคารพตัวเราเอง

แล้วคนอื่นจะเคารพเราที่เราทำวิชาชีพเพื่อเขาครับ

"คิดถึงเขามากกว่าคิดถึงตัวเอง แล้วเขาจะคิดถึงเรา"