PharmaCafe.com

กระทู้นี้อาจจะมีคนไม่พอใจ แต่ผมอยากให้ช่วยแสดงทัศนคติว่า "อาชีพเภสัชกรกำลังจะตาย หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป" หากยังมีการเปิดคณะมากขึ้น หากยังไม่สามารถควบคุมเภสัชกรแขวนป้าย หากยังนั่งจ่ายยาไปวัน ๆ เภสัชกรทุกท่านคิดว่าไงครับ

เภสัชกร มีไม่พอกับ ผู้ป่วยหรอกครับ

เพียงแต่ว่า การทำงาน ของเรา ยัง ตั้งรับอยู่

หาก ออกไปดู คนไข้ ที่เดือด ร้อน ในชนบท ตามบ้าน

มีคนจำเป็น มีความต้องการทางเภสัชกรสูงมากมาย

เพียงแต่เภสัชกร ส่วนมากไม่รู้ ครับ

ผมออกไปเยี่ยมผู้ป่วยทุกวัน ผม ว่า เราต้องการเภสัชกรอีก อย่างน้อย 4000 คน ครับ ในการดูแล คน แต่ละหมู่บ้าน ที่มีปัญหาด้านยา

นับล้านคนทั่วไทย



ปล.หลักสูตรปัจจุบัน ไม่สามารถผลิตเภสัชกร แบบที่ผมว่าได้ ก็เลยมีเภสัชกร ล้นเกิน ...55

ไม่ถึงกับตายหรอกครับแค่ตกต่ำลงกว่าเดิม จากที่เคยสูสีกับทันตแพทย์ ตอนนี้อาจจะลงต่ำกว่าพยาบาลนิดนึง
คิดโดยหลักทางเศรษฐศาสตร์+การเดานะครับ cost =(demand/supply) x effectiveness
ถ้าต้องการเพิ่มcost ก็ต้องเพิ่ม demand กับ effectiveness คือเพิ่มประสิทธิภาพของเราและเพิ่มงานในความรับผิดชอบเพื่อสร้างความต้องการ
และลด supply คือผลิตให้น้อยลง

พูดเหมือนง่ายๆเลยเนอะ

ผมว่าวิชาชีพทางด้านเภสัชกรรมชุมชน ปัจจุบันเป็นความต้องการของประชาชนมากทีเดียว จะเห็นได้ว่าร้านยาเก่าที่เขาใกล้ชิดกับประชาชนเขาจะพยายามเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในทำเลดีๆ แต่ดูเหมือนว่าการผลิตเภสัชกรรุ่นใหม่ยังไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนทางด้านนี้เท่าที่ควรจะเป็น
? ต้องปลูกฝังให้เภสัชกรอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถึงแม้ตอนเริ่มต้นรายได้อาจจะน้อย แต่ให้ถือว่าเป็นช่วงเวลาหาความรู้ หาประสพการในร้านยา และหาจุดสมดุลว่าลูกค้าต้องการอย่างไร อย่าพึงพอใจกับรายได้ที่ดูมากในตอนต้นแต่มีสถานะเป็นลูกจ้าง อนาคตของตนขึ้นอยู่กับนายจ้าง
? ความเจริญของวิชาชีพเภสัชกรรมชุมชนเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของเภสัชกรทุกฝ่าย ดังนั้นเภสัชกรทุกคนจะต้องช่วยกันให้เกิดมีเภสัชกรชุมชนมากๆด้วยวิธีต่างๆ เช่น การเปิดโอกาสให้เภสัชกรได้มีโอกาสหาความรู้ หาประสพการในการขายยาในร้านของตน ก่อนที่จะไปเปิดร้านของตนเอง
? สำหรับเภสัชกรที่จบใหม่ต้องมีความเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิชาชีพเภสัชกรรมชุมชนเป็นที่ต้องการของประชาชนจริงๆ จริงอยู่ปัจจุบันร้านยาดูเหมือนจะมีมาก แต่ถ้าดูอย่างละเอียดแล้วจะพบว่าร้านยาเหล่านั้นดำเนินกิจการได้ก็จริงแต่ใช้วิชาชีพเภสัชกรรมชุมชนในการดำเนินกิจการน้อยมาก หากประชาชนมีความรู้มากขึ้น ร้านยาเหล่านั้นก็จะไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป ฉะนั้นเภสัชกรที่จบใหม่จะต้องขวนขวายหาความรู้ หาประสพการเรื่องของเภสัชกรชุมชน และเรื่องของธุระกิจร้านยาให้มากๆ

เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวนะครับ
ส่วนหนึ่งผมแบ่งปันว่า สังคมยังไม่รู้จักเภสัชกรอย่างที่ควร ทำให้ไม่ทราบบทบาท
อีกทั้งพวกเราด้วยกันเองส่วนหนึ่งก็ไม่แสดงบทบาทอย่างขัดเจน ถูกแย่ง scence อยู่เรื่อย
เภสัชกรจึงต้องลุกขึ้นมาสู้ คิดอะไรที่ตอบแทนสังคม มากกว่าคิดแต่ว่ารายได้น้อย

สมัยก่อนแพทย์เป็นที่ชื่นชมมาก เพื่อมีภาพของแพทย์ชนบทที่เขาอุทิศไปดูแลผู้ป่วยยากไร้ที่ห่างไกล
แต่หากถ้าภาพนี้หมดไป ภาพธุรกิจมากขึ้น ก็คิดเอาเองก็แล้วกัน

ฟังแล้วดูหดหู่
สิ่งที่คิด+สิ่งที่ข้าพเจ้าจะทำ ทำงานเอาหน้ามากขึ้น(ทำงาน งานที่ทำให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ ) ทำงานเชิงรุก เช่น ผู้ป่วยรับยาต้านไวรัสเภสัชก็ออกเยี่ยมบ้าน เปิดงานให้มากหลายด้านมากกว่าการนั่งจ่ายยาตามแพทย์สั่ง แต่ยอมรับว่าต้องทุ่มเท และต่อสู้ ถ้าเปิดร้านก็ต้องทำร้านยาให้เป็นร้านยาของชุมชนโดยแท้จริง ไม่ขายแต่ยา แต่เราให้การดูแลสุขภาพ
คนคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้ แต่ถ้าทุกคนทำโลกจะเปลี่ยน สู้ ๆๆๆๆ

อาชีพเภสัชกรเป็นอาชีพที่น่าจะแสดงบทบาทออกทางสื่อ เช่น ทีวี บ้าง มีหลายๆ รายการที่นำเสนอเรื่องสุขภาพโดย ใช้ แพทย์เป็นตัวชูโรง
เราก็น่าจำทำรายการที่นำเสนอเรื่องการใช้ยา ออกทีวีบ้าง เนาะ

ตามกฎหมายแล้ว เภสัชกรให้ความรู้เรื่องยาผ่านสื่อได้หรือไม่ครับ? เท่าที่เห็นมีแต่หมอ ที่ตอบปัญหาสุขภาพได้ครับ

อาชีพเภสัชกร จะตายหรือไม่ขึ้นอยู่กับพวกเราครับ

ว่า เภสัชกร อย่างเรา จะทำให้อาชีพเภสัชกรตายหรือไม่

ผมเอง เคยรู้ สึกว่า เภสัชกร แสดงบทบาทน้อย ได้รับการยอมรับน้อย

ผมอยากเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ให้ วิชาชีพเภสัชกรรมเป็นวิชาชีพ ที่มีคนยอมรับมากที่สุด

มีประโยชน์ ต่อประชาชนคนไทยสูงสุด ผมฝันนานกว่ามา 14 ปี แล้ว และไม่เคยหยุดฝัน

แล้วพวกคุณล่ะ เหล่าพี่น้องเภสัชกรทั้งหลาย

ก้าวต่อไป มาร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์ เภสัชกรรม ใหม่ด้วยกัน

ฮ่าๆๆๆ ใครจะตายก็ตายไป ผมไม่ตายด้วยหรอกครับ

ถึงผมจะเว้นวรรคอาชีพเภสัช มาเรียนต่อด้านมัลติมีเดียที่ออสเตรเลีย
ผมยังคิดว่าจะกลับไทยไปเปิดร้านยาในป่าเพื่อช่วยเหลือคนชนบทในช่วงบั้นปลายของชีวิตเลย
เพราะผมคิดว่าเภสัชก็เป็นอาชีพที่เป็นอมตะไม่มีวันตายอยู่ดี


ยังไงคนก็ต้องกินยา แล้วใครมันจะรู้เรื่องยาได้ดีเท่าเภสัชกร

เนาะ ^^

เราลองสังเกตง่ายๆว่า
เภสัชกรบางคนได้รับการยอมรับ ได้รับความนับถือจากเพื่อนร่วมงานสาธารณสุชมากกว่ามากคน
ดังนั้น ความประพฤติของแต่ละคนสำคัญ

ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อนนะครับ

"คิดอย่างไรที่มีคนว่า "อาชีพเภสัชกรกำลังจะตาย""

อุ๊ย ถ้าอ่านคำถามดีๆ ผมว่าไอ่คนพูดมันเสี่ยงชีพมากนะครับ ฮ่าๆๆ ที่มาพูดอย่างงี้ให้เภสัชได้ยินเนี่ย
เผลอๆอาจได้ตายก่อนเภสัช ฮ่า ๆๆๆ

ขำๆนะน้าๆ

ไม่มีเภสัชมาทำโรงงาน จนจำเป็นต้องหาสาขาอื่นมาคุมการผลิตแล้ว