New Document









นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

ห้องเภสัชกร

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย amp_sena » 21 พ.ค. 2009, 23:20

วันนี้เพื่อนไปซื้อยาแถวแยกเกษตร กัดปากเป็นแผล ขอยาแก้อักเสบ ได้erythromycinมาหนึ่งแผง 85 บาท

อันนี้ถือเป็นการใช้ยาantibioticฟุ่มเฟือยมั้ยคับ 555

:mrgreen: "อย่าซื้อยากินเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง"
ภาพประจำตัวสมาชิก
amp_sena
 
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 15:51







Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย anan » 22 พ.ค. 2009, 13:47

น้องรีบนสุดหล่อ

ใช้ยาโดยไม่จำเป็นอะคะ ข้อสำคัญ คือ ถ้าผู้ป่วยได้ยาไปแล้วกรณีนี้ควรได้คำแนะนำที่ถูกต้องไปด้วย เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาอีกร้อยแปดตามมา เช่น กินแล้วไซ้ท้องน๊าค๊า เพราะเดี๋ยวคุณลุง (ใช่ปล่าวไม่รู้ เดาเอา) กินไปแล้วมวนท้องจะพาลเลิกกินโดยไม่ครบคอร์สไปเลยก็ได้

แต่บางทีคนไข้ก็ไม่ยอมนะ ด้วยความเข้าใจของตัวเอง มาร้านยายังไงก็ต้องได้ยากลับไป ลองไม่ให้สิ สะบัดหน้าแล้วพาลเกลียดเภสัชกรไปเลย เอ้า จริง ๆ นะค๊า

ลองมาย้อนคิดดูนะ เจ๊ว่านิยายเบื้องหลังที่ทำให้คนไข้คิดแบบนั้น ก็เป็นเพราะเภสัชกรตัวปลอมด้วยส่วนหนึ่งแหละ ที่จ่ายยาซะเพลิดเพลินจนคนไข้ติดเป็นนิสัย ก็เพราะเป็นเภสัชกรปลอมนี่แหละ ทำให้สมดุลระหว่างพ่อค้ากับผู้ดูแลรักษามันเอียงกะเท่เร่

ช่วงนี้ดิฉันไม่มีเวลาเขียนนิยายมากนักนะคะ อดใจรอสักนิด
anan
 
โพสต์: 93
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 09:54

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย anan » 23 พ.ค. 2009, 09:20

อุ๊ย ๆ วันนี้มีพลอตเพิ่มเติม เลยมาอัพไว้ก่อน ขออภัยนะคะที่ใช้แทนบลอก เพราะที่นี้หรอยกว่าคะ
... เด็ก 3 ขวบ เป็นผื่นแพ้ที่คอคะ ... เดาสิคะว่าแม่เภสัชกรตัวปลอมหล่อนจ่ายอารายยยยย

... cefalosporins ค้า แบบดรายซัสสะเปนชั่น ผสมน้ำให้เสร็จสรรพ ดูมันทำสิคะ บริการยิ่งกว่าเภสัชกรอีก... แหมพวกเรายังไม่ค่อยทำให้เลย เพราะไม่รู้ว่าคนไข้จะกินเดี๋ยวนั้นหรือเปล่า ยืดอายุไปได้อีกตั้งหลายชั่วโมง ... แต่อันนี้ดิฉันไม่แคร์หรอกคะ กระจอก

... ที่เปรี้ยว คือ 1. ทำไมต้อง antibiotics คะ... 2.ข้างขวดเขียนนะคะ "ยาอันตราย" แปลว่าอะไรคะ อ้อ ลืมไป หล่อนไม่ได้เรียนเภสัช ไม่รู้กฎหมายยาหรอก เชอะ .. นี่ถ้าคนไข้แพ้ยาเข้าไปมันจะแยกผื่นออกไหมเนี่ยว่าอันไหนแพ้ยาอันไหนแพ้ของเดิม

เอาไงดีคะ ท่านผู้รับผิดชอบทั้งหลาย ความเสี่ยงของอีก 1 ชีวิต ที่กระทำโดยผู้ที่แฝงกายอยู่ในวงการ ท่านจะยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ หรือคะ เอาง่าย ๆ วันละ 1 เคสแบบนี้ต่อ 1 ร้าน ที่พวกแมลงสาบแฝงกายอยู่ สมมตินะคะว่าแค่ 400 ร้านทั่วประเทศที่เป็นแบบนี้ ก็วันละ 400 เคส เดือนละ 12,000 เคส ปีละ ปีละ เดี๋ยว ๆ จิ้มเครื่องคิดเลขก่อน 4,380,000 เคส ไม่ผิดแน่นอนคะ ปีละ 4 ล้านรายกว่า ๆ เอง

อ้อ คะ มันอาจจะดูเว่อร์ คะ เพราะมันเป็นนิยายชีวิตคะ ชีวิตที่แขวนบนเส้นด้าย ประคับประคองโดยคนที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ... สะใจดีไหมละคะ นี่แบบโอเวอร์อันเดอร์เอสะติเมตนะค้า แบบลูกทุ่งด้วย ไม่ต้องวิจงวิจัยกันให้เมื่อยตุ้มน้ำหนักหรอกคะ มันก็ประมาณไม่ต่ำกว่า 10 % ของประชากรทั้งประเทศต่อปีที่มีโอกาสเสี่ยงอันตรายจากคนที่ไม่ใช่เภสัชกรแล้วมาจ่ายยาในร้านยา ยังไม่รวมความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากเภสัชกรเองนะคะ หรูมั๊กก ๆ

ว่าจะแค่บันทึกพลอตนิยาย ไหงมันยาวอย่างนี้หว่า ขออภัยคะ ของมันขึ้น
anan
 
โพสต์: 93
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 09:54

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย wannee » 26 พ.ค. 2009, 23:48

anan เขียน:

วิเคราะห์พลอตนี้ : ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว กับความไม่ทันโลกของใครบางคน (แต่ไม่ใช่ผู้บริโภคนะค่ะ) คิดเอาเองแล้วกันว่าควรเป็นใครในโลกนี้ เราอุตส่าห์ร่ำเรียนมาตั้งหลายปี แต่เราก็ "โง่ดักดาน" เหมือนเดิม สงสัยสถาบันหรือสภาต้องรื้อหลักสูตรให้เรียนสัก 10 ปี (อุ๊บส์ ขออภัย อ.วรรณี)



ถูกพาดพิงอะ... :biggrin: H39

เลยขอแจมเล็กน้อยค่ะสำหรับน้องๆที่ไปฝึกงานร้านยาแล้วเจออะไรแบบว่าวิชามาร ช่วยกระซิบอาจารย์ด้วยนะคะ ใครอยู่ที่ไหนก็บอกอาจารย์ที่ดูแลการฝึกงานในสถาบันนั้นๆค่ะ เนื่องจากเท่าที่ทราบ ในส่วนของการฝึกงานกลาง เค้ามีความพยายามที่จะพัฒนาการฝึกงานในร้านยากันอยู่ เพราะในประกาศสภา ตอนนี้บังคับว่าต้องฝึกโรงพยาบาลและร้านยา ถ้าเราขาดแหล่งฝึกดีๆ การบังคับให้ฝึกเยอะๆจะไม่คุ้มค่า

เท่าที่ได้คุยกับน้องๆสองสามคนที่เพิ่งกลับจากฝึกงานร้านยา ได้ข้อมูลเหมือนๆกันว่า ตอนนี้ขาย(เชียร์)อาหารเสริมเก่ง.....ตรงนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงค่ะ

รู้สึกดีที่มีการออกมาคุยเรื่องแขวนป้าย

อยากรู้ประวัติศาสตร์ที่มาของเรื่องนี้มากๆเลย มันเกิดอะไรขึ้น มันถึงอยู่ติดแน่น(เป็นกาวตราช้าง)ในวิชาชีพเรา หลายสิบปีแล้ว ทำไมสถานการณ์แบบนี้จึงยังดำรงอยู่ได้.....น้องจบใหม่ก็ยังมีไปแขวนป้ายนะ ยังไงกันนี่ เออ...อาจารย์ยังมีเลย แล้วอย่างที่ว่าน่ะค่ะ บางครั้งมันเหมือนหยิกเล็บเจ็บเนื้อยังไงก็ไม่รู้

ขอให้กำลังใจคนที่มุ่งมั่นไม่แขวนป้าย และขอให้มีความตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวกับความเย้ายวนของเงินทองที่ได้มาแบบไม่สมควร

ขอเป็นกำลังใจและขอให้ทุกคนที่ทำความดี มีความเจริญรุ่งเรืองมีความสุขในหน้าที่การงาน มีกำลังกายและกำลังใจในการทำสิ่งที่ดีๆต่อไป

ขออธิษฐานขอให้คนที่แขวนป้าย ได้สติ และถอนตัวออกจากสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยเร็ว...สาธุ
H37
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย NJ » 27 พ.ค. 2009, 00:40

ผมนี่ไงครับไปฝึกงานร้านยามา เจอสอนแต่เทคนิคการขายกะเชียร์อาหารเสริม จะแจ้งที่คณะไป มาคิดๆดูก็ไม่กล้า เพราะเค้าเป็นศิษย์เก่าและคิดว่าร้านยาในห้างมันคงจะเป็นแบบนี้หมด แต่ในใจเป็นห่วงรุ่นน้องที่จะมาฝึกกลัวไม่ได้อะไร

ร้านยานี้แปลก จ้างเภสัชมาทำไม มาไม่เต็มเวลา แถมให้พนักงานที่ไม่ใช่เภสัชจ่ายยาอันตราย บางครั้งก็จ่ายยาควบคุมพิเศษถ้ามีลูกค้ามาถาม อนาคตยังคิดจะสั่งวัตถุออกฤทธิ์มาขายอีก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าร้านไหนๆก็ทำกัน เรื่องปกติ เชียร์อาหารเสริมออกนอกหน้า หลงอาหารเสริมจนคิดว่าสำคัญกว่่ายา โอ๊ยไปฝึกนี่ผมนั่งcountdown ทุกวันเลย เดี๋ยวมาเล่าต่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
NJ
 
โพสต์: 70
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 พ.ค. 2008, 21:30

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย apotheker » 27 พ.ค. 2009, 09:45

เรื่องอาหารเสริมนี่ผมคิดอยู่นานแล้วตั้งแต่มันเข้ามาเมื่อ10ปีก่อน มันไม่ได้จำเป็นต้องขายในร้านยาเลย ขายที่ไหนก็ได้ แต่มันเลือกใช้ความน่าเชื่อถือของวิชาชีพเรา(ที่ยังพอเหลืออยู่บ้าง) มาใช้ ผมคิดอยู่แล้วว่ามันจะทำลายความน่าเชื่อถือของวิชาชีพเรา

ผมเลือกที่จะปฏิเสธการขายสินค้าพวกนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า การที่เราไม่ขาย ก็กลายเป็นจุดอ่อนให้ร้านที่เค้าขาย เพราะคนที่ใช้สินค้าพวกนี้จะมีกลุ่มมีสังคมของเขาแล้วก็บอกต่อๆกันว่า กินไอ้นั่นสิ กินไอ้นี่สิ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ และแนะนำกันว่าไปซื้อที่ไหนถึงจะได้ถูก กลายเป็นว่าร้านที่ขายสินค้าพวกนี้กลายเป็นร้านที่ ดูดี ในสายตาของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อด้วย แล้วความดูดีมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มอาหารเสริม มันลามไปในการพิจารณาซื้อยาและ อย่างอื่นด้วย ร้านที่ไม่ขายไม่เชียร์ ถูกมองว่า กระจอก มีของไม่ครบ ไม่มีสินค้าที่เค้าต้องการ

10ปีครับ 10ปีที่ผมต้องกล้ำกลืนฝืนทน เวลามีลูกค้ามาถามสินค้าพวกนี้แล้วไม่มีขาย บางคนถามว่าทำไมไม่เอามาขายล่ะ เพื่อนเค้าใช้แล้วดีนะขาวขึ้น สวยขึ้น หุ่นดีขึ้น 10ปีที่ต้องเห็นคนที่เค้าขายของพวกนี้เจริญรุ่งเรืองร่ำรวยไปตามๆกัน ขณะที่เราก็ยัง ไม่ไปถึงไหน คุยกับเพื่อนที่เปิดร้านหลายคนก็มองว่าเราโง่ที่ไม่เอามาขาย ไม่ใช่แค่อาหารเสริมที่มันเป็นสีเทาๆหรอกนะครับ ของบางอย่างที่มันเป็นสีดำเลย เค้าก็ขายกัน

มาถึงวันนี้ อาหารเสริม ก้าวไปอีกขั้น เข้าสู่ระบบขายตรง เข้าไปขายในอินเตอร์เนต ระบบขายตรงเข้าไปเจาะหาเครือข่ายในกลุ่มนักศึกษา-นิสิต โดยเฉพาะสายวิทยาศาสตร์การแพทย์

มาถึงวันนี้ผลิตภัณฑ์ผิดกฏหมายมีมากขึ้น เข้าไปขายทางอินเตอร์เนต วางขายในคีออสตามห้าง กลูต้าไธโอน500มก. ไวอกร้า ทั้งจริงทั้งปลอม โรแอคคิวเทนทั้งจริงทั้งปลอม วางขายกันดาษดื่น ประกาศวิทยุชุมชน ลงหนังสือวารสารท้องถิ่น

คนที่ไม่ขาย ก็เหมือนคนที่เดินตามกฎเล่นมวยสากลขณะที่คนอื่นเล่นมวยไทย เจอทั้งศอก เข่า เตะก้านคอ จะฟุตเวอร์คระดับเทพ ก็ยืนอยู่ไม่ได้หรอกครับ

คนมองปัญหาก็มองแต่ว่าร้านยามันไม่ดี ส่งเด็กมาฝึกงานเด็กก็เอาไปฟ้องอาจารย์ แต่ไม่ได้ถามว่าทำไมคนที่มีหน้าที่ดูแลจัดระเบียบกลับไม่รับผิดชอบตรวจตราไม่ให้มีการทำผิดกฎหมาย กรรมการไม่ทำหน้าที่ คนที่เดินตามกฎสุดท้ายก็โดนเค้าโกงจนหมดตัว เตะตกเวทีไปเท่านั้นเอง
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: นิยายเรื่องเภสัชกรตัวปลอม

โพสต์โดย rinko » 27 พ.ค. 2009, 11:27

ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ ขอแชร์ประสบการณ์เรื่องวิตามินและอาหารเสริมนิดนึง

ตอนเรียนจบทำหัวข้อที่สัมพันธ์กับ antioxidant ค่ะ เพราะชอบ และมีความคิดตลอดว่า เภสัชกรน่าจะเป็นที่พึ่งของคนไข้ ในเรื่องการเลือกใช้และเลือกกินวิตามินและอาหารเสริม ขณะที่ทำจะมีเพื่อนร่วมห้องแล็ปคอยมาดูเรื่องที่เราทำ เพราะเกี่ยวกับอาหาร วิตามิน เพื่อนๆจะสนใจมาก ขณะเดียวกัน professor ที่ดูแลก็เก่งมากๆ จนทำให้เรียนจบมาจนถึงวันนี้ ก็ยังมีความคิดเสมอว่า ถ้าเภสัชกรไม่รู้เรื่องวิตามินและอาหารเสริม แล้วจะมีใครที่รู้เรื่องพวกนี้เท่าเรา นักโภชนาการเองก็ไม่ได้มีโอกาสพบเจอ และพูดคุยกับคนไข้ได้มากเท่าเภสัชกรร้านยา และโรงพยาบาล ในประเทศที่เจริญแล้ว เมื่อคนไข้ต้องการเลือกทานวิตามินและอาหารเสริม ที่แรกที่เขาจะเข้าไปก็คือร้านยา เขาไม่ปรึกษาแพทย์ พยาบาล เพราะเขารู้ว่าเภสัชกรคือ chemist เข้าใจเรื่องสารเคมีที่สัมพันธ์กับร่างกายคน หน้าที่แตกต่างชัดเจน ในต่างประเทศมีงานวิจัยที่สัมพันธ์กับวิตามินเยอะมาก กับสมุนไพรและอาหารก็เยอะมาก อยากให้เภสัชกรมองเห็นบทบาทด้านนี้เพิ่มขึ้น ใช้โอกาสในการคุยกับคนไข้ และเลือกใช้วิตามิน อาหารเสริมอย่างถูกวิธี ในเมื่อเราปฏิเสธไม่ได้ว่า บ้านเรายังไม่เจริญเท่าฝรั่ง คนไทยโดนหลอกง่าย เชียร์อะไรก็ซื้อหมด แล้วทำไมเราไม่เลือกใช้โอกาสเหล่านี้ในการแนะนำคนไข้ให้ถูกวิธีล่ะคะ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ขายดีหรอกค่ะ พวกกลุ่มอาหารเสริมที่ใช้ดาราเป็น presenter ทั้งหลาย แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้ทำความเข้าใจกับคนไข้ว่า ดาราเขาสวยมาตั้งแต่เกิดค่า ไม่ได้มาสวยหลังจากกิน ก็เพราะเป็นอย่างนี้แหละค่ะ ยอดขายอาหารเสริมเลยไม่ได้ดีเว่อร์อะไรนัก PC ในร้านก็ไม่มี แต่ยินดีที่จะมีติดร้านไว้ เอาไว้คุยกับคนไข้และแนะนำวิธีการดูแลอย่างอื่นได้ค่ะ อย่างว่าแหละค่ะ ถ้าเราวางตัวอยู่บนพื้นฐานจรรยาบรรณ และศีลธรรมแล้ว ใครก็มาเอาเราไปใช้เป็นเครื่องมือหากินไม่ได้หรอกค่ะ จะรอผู้มีอำนาจทั้งหลาย เดี๊ยนว่า อีก 50 ปี ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่า

ด้วยความเคารพอีกครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

ย้อนกลับ

ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

cron
New Document