หน้า 2 จากทั้งหมด 3

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ต.ค. 2009, 00:44
โดย Epinephrine
vic เขียน:ผมว่า อย กับ สสจ นี่แขวนป้ายกันกี่คนนี่คงได้คำตอบว่าเกือบทุกคนคร๊าบ


จริงๆ ก็ไม่เกือบนะครับ แค่เยอะไปนิด

แต่ที่เลวกว่า คือเป็นนายหน้าหาเภสัชมาแขวนป้ายให้นี่สิ

zom เขียน:ต้องสังเกตว่าเวลาที่เภสัชแขวนป้ายว่ามาปฏิบัติงานได้มาปฏิบัติจริงหรือป่าว ถ้าไม่จริงก็ขยันหมั่นฟ้อง สสจ.หรืออย.
ฟ้องมันไปเรื่อย อย่างน้อยเค้าอาจจะละลายใจมาตรวจสอบบ้างก็ได้ แต่ก็เข้าใจนะว่าเค้าสายป่านยาว มีนอกมีในแน่นอน
แต่จะทำไงได้ เมื่อมองไม่เห็นหนทางอื่นแล้วนี่ อีกอย่างก็เห็นสภาส่งตัวอย่างคดีฟ้องเภสัชแขวนป้ายมาให้ดูเป็นตั้ง คงจะเริ่มเอาจริงแล้วก็ได้มั๊ง
ไม่ต้องไปสงสารหรอก พวกแขวนป้ายนี่ ควรกำจัด



ปัญหาคือผู้บังคับใช้ยังทำเองสิครับ แถมบางทียังขอเงินจากร้านแขวนป้ายเลย จะให้ทำไงได้

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ต.ค. 2009, 21:32
โดย namwanrx
ไม่เห็นแคร์เลย ซื้อยาถูกซื้อที่ไหนก็ได้ นอกเหนือจากยาราคาถูก treatmentที่ดี เชื่อว่าคนซื้อจะมองเห็นความแตกต่างและติดใจไม่ไปร้านยาที่ดีแต่ราคาถูก

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 11 ต.ค. 2009, 07:19
โดย LeMmOy
โอ๊ย ไปขอเค้าทำม๊ายยย ขอให้ขายราคาปกติๆหน่อยเนี่ยนะ ผมว่าขอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังง่ายกว่าเลยนะครับ ฮ่าๆๆ

ผมเคยทำงานกับร้านขายส่งแนวๆนี้มาก่อน
อย่าว่าแต่ลูกค้าที่เป็นชาวบ้านทั่วไปเลยครับ เภสัชอย่างพวกเรายังมาซื้อยาเข้าร้านกันเลยครับ ฮ๋าๆๆ ไม่ได้ซื้อทีละน้อยๆด้วยนะ ซื้อทีหลักหมื่นทั้งนั้น ฮี้วววว
บางเคสหมอในศิริราชยังเขียนใบยาให้คนไข้ถือมาซื้อเลย
ก็ยามันถูกและครบครันนี่ครับ ไม่ว่าเภสัชที่เปิดร้านยาหรือใครๆก็แฮปปี้ ที่มาถึงก็มีทุกอย่าง แถมราคายังย่อมเยาว์อีกด้วย

อย่าไปมองว่าร้านแขวนป้ายไม่คุณภาพ เพราะร้านที่ผมเคยทำแถวหน้าศิริราช มีเภสัชฟูลไทม์ทำงานกัน 5 คน ตลอดทั้งวัน
ผมว่ามีเภสัชมากกว่าโรงพยาบาลบางแห่งอีกนะครับ !!

แต่ผมมีคำแนะนำสำหรับร้านที่เจอฮวงจุ้ยนรกแนวๆนี้

-แผ่เมตตาให้ร้านคู่แข่งทุกวันนะครับ
-รักษาฐานลูกค้าประจำให้ได้ครับ
-อย่าไปด่า หรือบ่นเรื่องร้านคู่แข่งให้ลูกค้าฟังครับ ทัศนะคติเราต้องดีเสมอ ถึงแม้ในใจเราจะหนักแค่ไหน หน้างานก็พยายามfakeๆไว้ก่อนครับ
-ยาตัวไหนขายถูกได้ก็ขาย ใช้แผนยอมตัดนิ้วทิ้งดีกว่ายอมตาย เอาให้มีรายได้เข้ามาหน่อย ดีกว่าไม่มีรายได้เข้ามาเลย
-ไปสมัครพาร์ทไทม์โรงพยาบาลซะ หารายได้เสริม ถ้าแฟนว่างก็ให้แฟนไปขายแอมเวย์ ,เฮอร์บัลไลฟ์ หรือหาทางเลือกใหม่ที่แตกต่างออกไป เช่นซื้อเฟรนด์ไชน์ไก่ย่างห้าดาวมาเปิดหน้าร้าน ฯลฯ
-ไม่งั้นก็เดินกลับไปหาร้านหมอตี๋ใหม่ แล้วเปลี่ยนคำถามเป็น "รับสมัครเภสัชพาร์ทไทม์ไหมครับ" วะฮ่ะฮ่า ๆๆๆ


ใกล้หน้าหนาวแล้ว.. ขอให้รวยกันถ้วนหน้าครับ

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 11 ต.ค. 2009, 09:07
โดย will
LeMmOy เขียน:โอ๊ย ไปขอเค้าทำม๊ายยย ขอให้ขายราคาปกติๆหน่อยเนี่ยนะ ผมว่าขอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังง่ายกว่าเลยนะครับ ฮ่าๆๆ

ผมเคยทำงานกับร้านขายส่งแนวๆนี้มาก่อน
อย่าว่าแต่ลูกค้าที่เป็นชาวบ้านทั่วไปเลยครับ เภสัชอย่างพวกเรายังมาซื้อยาเข้าร้านกันเลยครับ ฮ๋าๆๆ ไม่ได้ซื้อทีละน้อยๆด้วยนะ ซื้อทีหลักหมื่นทั้งนั้น ฮี้วววว
บางเคสหมอในศิริราชยังเขียนใบยาให้คนไข้ถือมาซื้อเลย
ก็ยามันถูกและครบครันนี่ครับ ไม่ว่าเภสัชที่เปิดร้านยาหรือใครๆก็แฮปปี้ ที่มาถึงก็มีทุกอย่าง แถมราคายังย่อมเยาว์อีกด้วย

อย่าไปมองว่าร้านแขวนป้ายไม่คุณภาพ เพราะร้านที่ผมเคยทำแถวหน้าศิริราช มีเภสัชฟูลไทม์ทำงานกัน 5 คน ตลอดทั้งวัน
ผมว่ามีเภสัชมากกว่าโรงพยาบาลบางแห่งอีกนะครับ !!

แต่ผมมีคำแนะนำสำหรับร้านที่เจอฮวงจุ้ยนรกแนวๆนี้

-แผ่เมตตาให้ร้านคู่แข่งทุกวันนะครับ
-รักษาฐานลูกค้าประจำให้ได้ครับ
-อย่าไปด่า หรือบ่นเรื่องร้านคู่แข่งให้ลูกค้าฟังครับ ทัศนะคติเราต้องดีเสมอ ถึงแม้ในใจเราจะหนักแค่ไหน หน้างานก็พยายามfakeๆไว้ก่อนครับ
-ยาตัวไหนขายถูกได้ก็ขาย ใช้แผนยอมตัดนิ้วทิ้งดีกว่ายอมตาย เอาให้มีรายได้เข้ามาหน่อย ดีกว่าไม่มีรายได้เข้ามาเลย
-ไปสมัครพาร์ทไทม์โรงพยาบาลซะ หารายได้เสริม ถ้าแฟนว่างก็ให้แฟนไปขายแอมเวย์ ,เฮอร์บัลไลฟ์ หรือหาทางเลือกใหม่ที่แตกต่างออกไป เช่นซื้อเฟรนด์ไชน์ไก่ย่างห้าดาวมาเปิดหน้าร้าน ฯลฯ
-ไม่งั้นก็เดินกลับไปหาร้านหมอตี๋ใหม่ แล้วเปลี่ยนคำถามเป็น "รับสมัครเภสัชพาร์ทไทม์ไหมครับ" วะฮ่ะฮ่า ๆๆๆ


ใกล้หน้าหนาวแล้ว.. ขอให้รวยกันถ้วนหน้าครับ



เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

ที่เหลือก็เป็นเรื่องรู้เรา ว่าเรานะมีทรัพยากรมากแค่ไหนในการรบยืดเยื้อ

มีพลัง อาวุธพิเศษที่ใช้ในการรบอะไรบ้าง ไม่ใช่แต่ เภสัชๆ ๆๆๆ

เรื่อง สมรภูมิ ว่าได้เปรียบ เสียเปรียบยังไง

สุดท้ายก็คงทางหนีทีไล่ เตรียมไว้ก่อน ไม่ไหวก็ สวามิภักดิ์ซะ

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 11 ต.ค. 2009, 14:13
โดย BEN10
ใจเย็นๆ ครับ ปัญหามีไว้ให้แก้ใข ทรัพยากร มีมากมายครับ คอยดูกันครับ ขนาด H5N1 ยังกลายเป็น H1N1 ได้ แล้วเรื่องแค่นี้ :lol:

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

โพสต์โพสต์แล้ว: 19 ต.ค. 2009, 19:58
โดย Isodyl
เภสัชกรไทย คือระบบเคลือข่าย หรือ chain store ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

น่าเสียดาย ที่โซ่แต่ละเส้น ห่วงแต่ละห่วงไม่ได้แข็งแรง ทนทาน หรือคล้องเข้ากันได้ดีนัก

เพี่ยงประกายไฟจากปลายไม้ขีด และลมปากเป่า โซ่ก็ขาดสะบั้นแล้ว

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 21 ธ.ค. 2010, 15:26
โดย ponkpich
เป็นผม คงดูเชิงก่อนราวๆ 6 เดือน ขณะนี้ก็พยายามทำให้ดีที่สุด และที่สำคัญ หยุดค่าใช้จ่ายพร่ำเพื่อที่เคยใช้มาตอนรายได้ดี

ถ้าตั้งป้อมสุ้ได้ ยอดกระเตื้องกลับมาก็ปรับกระบวนทัพต่อ แต่ถ้า เอาไม่อยู่ ย้ายร้านหนีดีกว่าครับ

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 21 ธ.ค. 2010, 18:23
โดย naproxen
ต้องทำบุญครับ

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 12:31
โดย moomoo
apotheker เขียน:.. จากที่เค้าเคยขายได้วันละหมื่น ลดลงเหลือวันละ 2000 ..


เศร้าจัง :neutral:

บทบาทเภสัชกรทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนยิ่งใหญ่พอ
ต่อให้ยืนตะโกนว่าเภสัชกรอยู่ร้านนี้ ก็ดูเหมือนผู้คนจะสนใจยาราคาถูกที่ไม่ต้องมีเภสัชกรก็ได้ซะมากกว่า ..

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 17:35
โดย apotheker
ความจริงว่าจะไม่ตอบอะไรแล้ว แต่ อยากจะบอกว่า ร้านพี่เค้าปิดไปแล้วครับ พี่เค้าไปทำงานผู้แทนยาบ.โลคัลเมด หางานอยู่นานเหมือนกัน เพราะอายุเยอะ จะรับมาทำตำแหน่งเล็กๆก็ไม่กล้า ใหญ่ไปก็ไม่มีที่ให้ลง คิดดูดิ อยุ45 ต้องมาเริ่มเป็นเซลล์ขายยาใหม่อีกรอบนึง :redface:

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 19:36
โดย kratosus
apotheker เขียน:ความจริงว่าจะไม่ตอบอะไรแล้ว แต่ อยากจะบอกว่า ร้านพี่เค้าปิดไปแล้วครับ พี่เค้าไปทำงานผู้แทนยาบ.โลคัลเมด หางานอยู่นานเหมือนกัน เพราะอายุเยอะ จะรับมาทำตำแหน่งเล็กๆก็ไม่กล้า ใหญ่ไปก็ไม่มีที่ให้ลง คิดดูดิ อยุ45 ต้องมาเริ่มเป็นเซลล์ขายยาใหม่อีกรอบนึง :redface:



เกิดอะไรขึ้นครับ ???

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 19:43
โดย apotheker
kratosus เขียน:เกิดอะไรขึ้นครับ ???

อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องสิครับ :biggrin:

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 20:11
โดย kratosus
apotheker เขียน:
kratosus เขียน:เกิดอะไรขึ้นครับ ???

อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องสิครับ :biggrin:


555 อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วครับ
แต่ ท้ายเรื่องร้านก็เหมือนจะไปได้ด้วยดี ทำไมปิดแล้ว ??
( หรือว่าอ่านอะไรไม่ครบหว่า ช่วงนี้ยิ่งเบลอๆ :ugeek: )

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ธ.ค. 2010, 20:38
โดย PHARMA_GIRL
apotheker เขียน:เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีพี่เภสัชคนนึงโทรมาปรึกษาผมว่า มีปัญหา โดนร้านยาใหญ่ซึ่งมีหลายสาขา มาเปิดสาขาใหม่ใกล้บ้าน แล้วขายตัดราคา
เรียกว่าแทบจะติดทุน ทุกตัว เป็นร้านที่ไม่มีเภส้ชกรอยู่(แขวนป้ายนั่นแหละ)
จากที่เค้าเคยขายได้วันละหมื่น ลดลงเหลือวันละ2000 แกไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยบากหน้าไปที่ร้านนั้นแล้วบอกว่า
"อย่าขายยาถูกนักเลย ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

คำตอบที่เค้าตอบกลับมาคือ
"มันไม่เกี่ยวกัน ผมกับคุณน่ะทำคนละอาชีพ"
"คุณก็จัดยาขายไปสิ เป็นเภสัชกรไม่ใช่เหรอ"

.............................
.............................


ปกติขายได้วันละหมื่น แสดงว่า ไม่ได้ขายปลีกอย่างเดียว ถ้าขายปลีกอย่างเดียวขายวันละหมื่น หยิบยาไม่ทันคะ เพราะคนมาซื้อจะมีทั้งซื้อคร้งละไม่กี่บาทจนคร้งละเป็นร้อย ถ้าซื้อครั้งละ 100 บาท คนเข้าร้านตั้งวันละ 100 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ร้านนี้จะขายปลีกอย่างเดียว
ปกติร้านที่ขายปลีกยอดขายวันละ 5,000 ก็เต็มที่แล้วนะคะ

แต่ถ้าขายยาจัดตามอาการ(ที่ไม่ใช่การซื้อยาที่เข้ามาแล้วมองที่ตู้ชี้ตัวนั้นต้องการตัวนี้) กรณีนี้ต้องใช้เวลาซักอาการและจัดยา และไม่เกี่ยวข้องกับการขายตัดราคา ดังนั้นการขายตัดราคากันจึงไม่มีผลต่อการขายลักษณะนี้

ปกติร้านเภสัชกรจะมีจุดแข็งเรื่องการใช้ความรู้เพื่อการวิเคราะห์บำบัดอาการและการปรึกษาเรื่องโรคและการใช้ยา ใช้จุดแข็งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์
การทำการเพียงซื้อยามาแล้วขายไปเหมือนขายสินค้าอื่นๆเป็นการทำที่เหนื่อยเปล่า ไม่ใช่เรื่องของเภสัชกร
เรื่องเภสัชกรเป็นเรื่องของการทำวิชาชีพ
ที่เป็นอยู่เภสัชกรเจ้าของร้านได้เปิดร้านโดยทำวิชาชีพหรือเปิดร้านโดยแค่ทำการค้าขายธรรมดาหรือไม่อย่างไร

หากเภสัชกรตั้งร้านโดยจุดมุ่งหมายด้วยการทำหน้าที่ทางวิชาชีพจะไม่หวั่นไหวต่อการขายแบบพ่อค้าวานิชแต่ประการใด
เพราะลักษณะการขายเป็นคนละแบบกัน

ถามว่าถ้าขายยาแบบวิชาชีพแล้วจะรวยหรือไม่ ไม่เป็นประเด็น
ถ้าคุณมุ่งหมายจะรวยเพื่อการขายยาคุณน่าไปทำอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ความเจ็บป่วยของประชาชน
แต่ถ้าคุณทำเพื่อวิชาชีพเพื่อการรักษาหรือบรรเทาอาการหรือเพื่อความปลอดภัยของประชาชน คุณทำไปเถิด อยู่ได้แน่นอนคะ

เภสัชกรไม่ใช่พ่อค้ายาที่ต้องมาแข่งขันตัดราคายากันอย่างแน่นอนคะ

Re: เมื่อเภสัชคนนึงเดินไปขอร้องหมอตี๋ว่า "ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้

โพสต์โพสต์แล้ว: 23 ธ.ค. 2010, 10:01
โดย cannabis
PHARMA_GIRL เขียน:
apotheker เขียน:เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีพี่เภสัชคนนึงโทรมาปรึกษาผมว่า มีปัญหา โดนร้านยาใหญ่ซึ่งมีหลายสาขา มาเปิดสาขาใหม่ใกล้บ้าน แล้วขายตัดราคา
เรียกว่าแทบจะติดทุน ทุกตัว เป็นร้านที่ไม่มีเภส้ชกรอยู่(แขวนป้ายนั่นแหละ)
จากที่เค้าเคยขายได้วันละหมื่น ลดลงเหลือวันละ2000 แกไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยบากหน้าไปที่ร้านนั้นแล้วบอกว่า
"อย่าขายยาถูกนักเลย ขอที่ให้ผมได้ยืนบ้าง"

คำตอบที่เค้าตอบกลับมาคือ
"มันไม่เกี่ยวกัน ผมกับคุณน่ะทำคนละอาชีพ"
"คุณก็จัดยาขายไปสิ เป็นเภสัชกรไม่ใช่เหรอ"

.............................
.............................


ปกติขายได้วันละหมื่น แสดงว่า ไม่ได้ขายปลีกอย่างเดียว ถ้าขายปลีกอย่างเดียวขายวันละหมื่น หยิบยาไม่ทันคะ เพราะคนมาซื้อจะมีทั้งซื้อคร้งละไม่กี่บาทจนคร้งละเป็นร้อย ถ้าซื้อครั้งละ 100 บาท คนเข้าร้านตั้งวันละ 100 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ร้านนี้จะขายปลีกอย่างเดียว
ปกติร้านที่ขายปลีกยอดขายวันละ 5,000 ก็เต็มที่แล้วนะคะ

แต่ถ้าขายยาจัดตามอาการ(ที่ไม่ใช่การซื้อยาที่เข้ามาแล้วมองที่ตู้ชี้ตัวนั้นต้องการตัวนี้) กรณีนี้ต้องใช้เวลาซักอาการและจัดยา และไม่เกี่ยวข้องกับการขายตัดราคา ดังนั้นการขายตัดราคากันจึงไม่มีผลต่อการขายลักษณะนี้

ปกติร้านเภสัชกรจะมีจุดแข็งเรื่องการใช้ความรู้เพื่อการวิเคราะห์บำบัดอาการและการปรึกษาเรื่องโรคและการใช้ยา ใช้จุดแข็งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์
การทำการเพียงซื้อยามาแล้วขายไปเหมือนขายสินค้าอื่นๆเป็นการทำที่เหนื่อยเปล่า ไม่ใช่เรื่องของเภสัชกร
เรื่องเภสัชกรเป็นเรื่องของการทำวิชาชีพ
ที่เป็นอยู่เภสัชกรเจ้าของร้านได้เปิดร้านโดยทำวิชาชีพหรือเปิดร้านโดยแค่ทำการค้าขายธรรมดาหรือไม่อย่างไร

หากเภสัชกรตั้งร้านโดยจุดมุ่งหมายด้วยการทำหน้าที่ทางวิชาชีพจะไม่หวั่นไหวต่อการขายแบบพ่อค้าวานิชแต่ประการใด
เพราะลักษณะการขายเป็นคนละแบบกัน

ถามว่าถ้าขายยาแบบวิชาชีพแล้วจะรวยหรือไม่ ไม่เป็นประเด็น
ถ้าคุณมุ่งหมายจะรวยเพื่อการขายยาคุณน่าไปทำอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ความเจ็บป่วยของประชาชน
แต่ถ้าคุณทำเพื่อวิชาชีพเพื่อการรักษาหรือบรรเทาอาการหรือเพื่อความปลอดภัยของประชาชน คุณทำไปเถิด อยู่ได้แน่นอนคะ

เภสัชกรไม่ใช่พ่อค้ายาที่ต้องมาแข่งขันตัดราคายากันอย่างแน่นอนคะ


ผมว่าน่าจะมองให้รอบด้านมากกว่านี้นะครับ เภสัชกรเปิดร้านยา หลายคนที่ประสบปัญหาตัดราคาเหมือนๆกัน ซึ่งบางคนที่อยู่ไม่ได้เช่นพี่เค้า เค้าอาจมีค่าใช่จ่ายที่เยอะมากกว่าคุณก็ได้นะครับ เช่นค่าเช่า ค่าเลี้ยงดูลูก ภรรยา ค่าโน้นค่านี่ที่เรานึกไม่ถึงอีก ใช่อยู่ว่าเภสัชกรควรทำเพื่อวิชาชีพ แต่ก็คงต้องพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และเหลือเก็บให้แก่ชีวิตตัวเองด้วย ปัจจุบันร้านยาส่วนใหญ่ เน้นๆว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่เภสัชกร.....คนที่น่าละอาย น่าจะเป็น สสจ อย สภาเภสัชกรรม ควรน่าละอายให้มากๆ...........ทั้งเรื่องการทำงาน ทั้งเรื่องจรรยาบรรณ