หน้า 2 จากทั้งหมด 4

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 07:56
โดย blacksmithday
ก็วารสารที่เขาส่งให้ท่านอ่านกันทุกเดือนไง มีที่ไหนเขาทำกัน ส่งให้คนทั่วประเทศอ่าน กลัวเขาไม่รู้หรือไง

เท่าที่ผ่านมา ชะลอการเปิดสอนเพียงแห่งเดียวคือ วิทยาลัยเซนเทเรซ่า และหาทางออกให้นักศึกษาที่จ่ายเงินค่าลงทะเบียนไปแล้ว คือ ไม่คืนเงินให้ แต่ให้ไปเรียนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตแทน โดยลดค่าเทอมให้ 30% เด็กบางส่วนก็ยินดีเพราะเรื่องมันเกิดในช่วงสอบแอดมิชชั่นกลางพอดีไปเรียนที่อื่นไม่ทัน บางส่วนก็จะเอาเงินคืนให้ได้ แต่ก็ไปเรียนม.เอกชนที่อื่น

ทางม.วลัยลักษณ์ ก็เช่นกัน ลดจำนวนรับลงเหลือครึ่งเดียว ปกติรับปีละเกือบร้อย (ประมาณ เก้าบกว่าคน ถือว่าเยอะมากสำหรับมหาวิทยาลัยที่เปิดใหม่ และใช้อาจารย์พิเศษ 2 ใน 3 ของทั้งหมด)


ช่วยแก้ปัญหาให้มันตรงจุดหน่อยได้มั้ย ปัญหาพวกนี้ ระดับใหญ่ๆโตๆกัน ทำไมแก้ปัญหาแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดกันแบบนี้ หรือเปิดมาแล้วทำไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว น่าเศร้าจริงๆๆ ประเทศไทย

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 08:11
โดย Pharma_Name
blacksmithday เขียน:ก็วารสารที่เขาส่งให้ท่านอ่านกันทุกเดือนไง เฆี่ยนตีแล้วยังเอามาประจานให้คนอื่นเขาดูอีก มีที่ไหนเขาทำกัน ส่งให้คนทั่วประเทศอ่าน กลัวเขาไม่รู้หรือไง


อ๋อ นึกว่าลูกไม่ผิดแล้วเฆี่ยนตีให้ชาวบ้านดู แต่นี่ลูกผิดแล้วเฆี่ยนให้ชาวบ้านดู ในความคิดเห็นของผม ผมว่าไม่แปลกหรอกครับ ถามว่ามีที่ไหนเขาทำกัน สภาการพยาบาลเขาก็ทำครับ อันนี้ข้อเท็จจริงนะ แต่ของแพทย์ ทันตะนี่ไม่แน่ใจนะครับเพราะไม่มีข้อมูล ถ้าไม่มีข้อมูลผมไม่กล้าตอบ

ไม่รู้จะเกินไปไม่ ถ้าจะบอกว่า ที่โรงพยาบาลผมมีพี่เภสัชคนนึงเปิดร้านยาร้านที่สอง แล้วรับสมัครเภสัชกรมาอยู่ full time กำลังจะรับน้องคนนึงอยู่แล้ว แต่มาอ่านเจอจากในวารสารของสภาว่า น้องคนนั้นพึ่งโดนพักใบประกอบที่กทม. แล้วแอบมาสมัครที่ต่างจังหวัด

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 08:29
โดย Pharma_Name
ในปัจจุบันจะเลื่อนการเปิด คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนเทเรซ่า ลดจำนวนรับสำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ ส่วนในสถาบันอื่น ทางสภาไม่ได้ทำอะไรเป็นรูปธรรม เพราะสกัดกั้นสองแหล่งนี้ แต่ก็ไปรับรองหลักสูตรให้กับ คณะเภสัชศาสตร์ ม.บูรพา อีก ก็แทบไม่ต่างกันเลย ในประเด็นเรื่องการคุมกำเนิดนักศึกษา/นิสิตเภสัชศาสตร์ (ไม่ได้บอกว่าคุมกำเนิดคณะเภสัชนะครับ แต่ให้คุมกำเนิดนักศึกษา/นิสิตเภสัช เพราะว่าแห่งที่เป็นสถาบันเก่า ๆ ก็ยังเพิ่มจำนวนรับขึ้นไปอีก) ผมว่าทางสภาทำได้ยังไม่ดี

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 08:29
โดย Pharma_Name
ในเรื่องการที่เภสัชกรเป็นบุคคลชั้นสามที่ไม่มีชั้นสี่ ผมไม่เห็นด้วย
ในเรื่องการที่เภสัชกรต้องผูกไทด์ ยกมือไหว้ แล้วคนอื่นจะดูถูก ผมไม่เห็นด้วย
แต่เรื่องเภสัชล้นตลาด ผมเห็นด้วย

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 08:38
โดย blacksmithday
อ๋อ นึกว่าลูกไม่ผิดแล้วเฆี่ยนตีให้ชาวบ้านดู แต่นี่ลูกผิดแล้วเฆี่ยนให้ชาวบ้านดู ในความคิดเห็นของผม ผมว่าไม่แปลกหรอกครับ ถามว่ามีที่ไหนเขาทำกัน สภาการพยาบาลเขาก็ทำครับ อันนี้ข้อเท็จจริงนะ แต่ของแพทย์ ทันตะนี่ไม่แน่ใจนะครับเพราะไม่มีข้อมูล ถ้าไม่มีข้อมูลผมไม่กล้าตอบ

ช่วยสแกนมาให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ อยากเห็น
ผมเห็นแต่อันนี้ หาไม่เจอเลย
http://www.tnc.or.th/newsletter.php?com ... &selvol=13

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 28 ส.ค. 2010, 09:28
โดย zartingtong
ผมว่างานเภสัชผูกไทด์โรงพยาบาลเอกชนเภสัชล้นตลาดเห็นด้วยครับ แต่พวกหากำไรต้องมีการปลุกจิตบริการลูกค้าเลยมีไหว้แบบพวก modern trade ที่แข่งกัน ทำงานในสถานที่ดูทันสมัย โก้ไม่หยอก

แต่งานไม่ผูกไทด์อย่างโรงพยาบาลรัฐ งานอื่นๆไม่ต้องไหว้ใครแต่ที่ทำงานไม่เท่นี่ประกาศหางานแทบตายหาคนไปทำยาก :lol:

ทันตแพทย์ตามคลีนิคหลายแห่งเขาไหว้ลูกค้ากันแล้วครับ ขนาดศูนย์ทันตแพทย์ทันสมัยผมลากรองเท้าแตะแต่งตัวแบบอยู่กับบ้านไปทำรากฟันเทียมเจ้าของศูนย์ทันตคลีนิคยังไหว้ผมเลย

ปล. การไหว้จริงๆแล้วเป็นการทักทายกันธรรมดาถ้าไม่ ego เกินไปควรเป็นธรรมเนียมไทยที่ดี ถ้าอยากรู้สึกว่าเป็นธรรมเนียมการทักทายก็ไหว้แล้วสวัสดีครับตั้งแต่ต้นเลย ไม่ใช่ไปไหว้เค้าตอนหลังให้ยาน่ะ :lol:

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 29 ส.ค. 2010, 13:06
โดย white-blue
Pharma_Name เขียน:
ballza เขียน:มันล้นตรงไหนเนี่ย รพ.ผมโคตรจะขาดแคลน ตอนนี้ทำงานสิบมือจนจะเป็นทศกัณฐ์แล้ว ไม่เคยมีวันไหนที่รพ.ผมจะมีเภสัชพอ มาดูได้ที่รพ.ภูมิพลอดุลยเดช


โรงพยาบาลผมขาดเภสัช แล้วผมสรุปว่าเภสัชขาดแคลน หรือว่าร้านยาแถวบ้านไม่มีเภสัช สรุปว่าเภสัชขาดแคลน อันนี้ผมว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะ ผมมองมันกระจายตัวไม่เหมาะสมด้วย เพราะ

โรงพยาบาลรัฐแห่งไหนโคตรขาดแคลน มันต้องคิดก่อนว่าทำไมถึงไม่มีใครมา เพราะไม่มีตำแหน่งหรือเปล่า หรือว่าถึงมีตำแหน่งก็ไม่มีใครมาเพราะมันกันดาร หรือถึงมีตำแหน่งก็ไม่มีใครมาเพราะบรรยากาศการทำงานไม่ดี หรืองานมันหนักมากจนไม่มีใครมา เพราะถ้าอย่างนั้นถึงผลิตเภสัชกรเพิ่มอีก 40 มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลท่านก็ยังขาดแคลนอยู่ดี ผลิตมามากเท่าไหร่เด็กที่จบใหม่ก็เทไปส่วนของผู้แทน และร้านยาในเมืองใหญ่หมด บางแห่งถึงกับสอบข้อเขียนเพื่อให้น้อง ๆ มารับตำแหน่งข้าราชการกันเลยทีเดียว (1 ตำแหน่ง คนสอบ 40 คน)

โรงพยาบาลของผมก็เช่นกันด้วยปริมาณงานคนไข้ที่มากขึ้นทุกวัน น้องที่มาฝึกงานแต่ละปีก็บอกว่า ถึงจบมาก็ไม่ทำที่นี่หรอกเพราะเหนื่อย คนไข้เยอะ ตำแหน่งจากส่วนกลางก็ไม่มี จะรับ เภสัชกร ลูกจ้างเงินบำรุงก็ลำบากโรงพยาบาลขาดทุน น้องที่ทำตำแหน่งเภสัชกรเงินบำรุง ทำได้สักปีก็ลาออกหมดบอกว่าไม่พอกิน ก้อย่างว่าเดี๋ยวนี้ค่าเทอมเป็นเหมาจ่ายหมดแล้ว เลยแพงมาก


อันนี้ผมเห็นด้วยนะ ที่ รพ รัฐ ขาดเพราะอะไร เพราะไม่มีตำแหน่งจะให้เภสัชต่างหากไม่ใช้เพราะเภสัชขาด
เหตุผลอื่นก็อย่างที่คุณ Pharma_Name พูดนะแหละ คนอยากทำงาน รพ ชุมชนเยอะมาก แต่ไม่มีที่จะให้เภสัชยืนสักเท่าไร
ช่วงนี้มีการคุยกันเรื่องตำแหน่ง ซี8 ให้กับพวกหัวหน้า รพ ชุมชน แต่เรื่องตำแหน่ง ข้าราชการของพวกลูกจ้างนี้เงียบกริบ

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 29 ส.ค. 2010, 13:12
โดย white-blue
เรื่องการไหว้ผมว่ามันก็ไม่เท่าไรนะ รพ เอกชน คนไข้เสียเงิน เค้าคงอยากได้รับการบริการที่ดี
ลองคิดดูถ้าเป็นเรา เราเองต้องเสียเงินเราก็อยากได้รับการบริการที่ดีเช่นกัน

อีกอย่างการไหว้ถือเป็นการทักทายกันตามปรกตินะ ผมเองเคยไปเที่ยวกับผู้แทนพาไป
ผู้แทนก็พาไปพบ กับผู้ชายกับผู้หญิงแล้วก็มีเด็กๆมาเป็นครอบครัว เดินห่างกันประมาณ 50 ก้าวได้
ผู้ชายคนนั้นยกมือไหว้ผมก่อนเลย ( ทั้งๆที่เค้าอายุมากกว่าผมเยอะ ) ทำเอาผมเองต้องรีบยกมือไหว้กลับทันที
พอตอนเย็น นั่งฟังบรรยาย ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นคือ อาจารย์หมอ cardio ที่มาเป็นวิทยากร :surprised:

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 29 ส.ค. 2010, 22:36
โดย namwanrx
กลับไปที่เจ้าของกระทู้ เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน กฎนั้นนู่นนี้ 1234
เปลี่ยนมาทำงานรพ.ก็ดีขึ้นมาเยอะระดับดับหนึ่งที่พอใจ แต่ก็ยังต้องเหนือยเหมือนเดิม

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 30 ส.ค. 2010, 12:08
โดย rinko
ยังไม่มืดหรอกค่ะ แต่ไม่นาน โดนกดค่าตัวแน่นอน บริษัทใหญ่ๆที่แข่งกันเปิดร้านยา รอวันนี้มานานแล้ว (ข้าพเจ้าเป็นร้านเล็กๆยังรอเลย :lol: :lol: ) เปิดกันเข้าไปค่ะ เปิดให้เรียนกันเยอะๆ เปิดมาปุ๊บก็แย่งกันสมัครงาน นายทุนทั้งหลายก็คัดออก คัดออก เหลือคนที่ยอมทำงานหนัก เงินเดือนน้อย ไม่ต้องฉลาดมาก ยอมทนทำงานนานๆดีกว่า ฉลาดมากเดี๋ยวลาออกเร็ว กระทบทั้งระบบแน่นอน ข้าพเจ้าไม่มีเอกสารวิชาการใดๆอ้างอิง อย่าขอดู นี่คือการเดา เดาล้วนๆ จากนายทุนงบน้อยๆ ร้านยาเล็กๆคนหนึ่ง

ปล. เปิดร้านแรกๆรับสมัครเภสัชกรแค่ตาย ไม่มีใครมาสมัคร คนที่มาสมัครก็ลีลา ยึกยัก เปิดรับปีต่อๆมา มาสมัครเพิ่มขึ้นทุกปี แต่รับได้แค่นิดเดียว แล้วมันจะทำยังไงดีล่ะคะเนี่ย สภาเภสัชขาาาา

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ย. 2010, 13:59
โดย TUANG
ตอนนี้เปิดกี่แห่ง จบปีละกี่คนช่วยตอบที

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ย. 2010, 15:46
โดย Pharma_Name
สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต

ปัจจุบัน (ปีการศึกษา 2553) มีสถาบันที่ผลิตเภสัชกรจำนวน 19 แห่ง เรียงตามลำดับการเปิดสอน ดังนี้

1. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปรับหลักสูตรไปแล้วโดยแยกเป็น 6 ปี สองสายคือ สาย care กับสาย science ตั้งแต่สอบเข้า ซึ่งไม่เข้าใจว่าเด็กที่เรียนจะทราบมั้ยว่าตัวเองชอบสายไหนกันแน่ ขนาดพวกเราเองเรียนจบจะจบปี 5 อยู่แล้วยังไม่แน่ใจเลยว่าชอบสายไหน

2. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
ปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ เป็นระบบ 6 ปี โดยปี 1-4 จะเรียนเหมือนกันทุกคน จะแยกเรียน care หรือ science ในชั้นปีที่ 5-6

3. คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่
งดรับนักศึกษาภาคสมบท เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความเข้มแข็งทางวิชาการ

4. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
ก่อนหน้านี้เปิดทั้งหลักสูตร 5 ปี ภาคคลินิก และหลักสูตร 6 ปี การบริบาลทางเภสัชกรรม ทำให้บัณฑิตที่จบมา แย่งงานกันเอง งง ไม่รู้จะเปิดทำไม แต่ปีการศึกษา 2554 เปิดรับ 6 ปี ทั้งคู่แล้ว

5. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ขอนแก่น
มีนักศึกษาทั้งภาคปกติ ภาคพิเศษ ภาคภาษาอังกฤษ แถมโครงการร้านยาเข้าไปอีก

6. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร
ปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษไปแล้วเพราะมีปัญหาเรื่องหลักสูตร และเป็นแห่งเดียวของประเทศไทยที่มีหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ทางสุขภาพ

7. คณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต (เอกชน)

8. คณะเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร
มีหลักสูตรการบริบาลทางเภสัชกรรมอย่างเดียว

9. คณะเภสัชศาสตร์ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (เอกชน)

10. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี

11. คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
เป็นที่เดียวในประเทศไทย ที่ใช้ชื่อ PharmScience ว่า หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชภัณฑ์ ไม่รู้จะตั้งให้ต่างกันทำไม เด็กที่จะสอบเข้า งง กันหมด

12. คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหาสารคาม
มีหลักสูตรการบริบาลทางเภสัชกรรมอย่างเดียว

13. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร วิทยาเขตพะเยา
กำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น คณะเภสัชศาสตร์ ม.พะเยา หรือ ม.สิรินธร ไม่แน่ใจ

14. คณะเภสัชศาสตร์ ม.สยาม (เอกชน)
มีหลักสูตรการบริบาลทางเภสัชกรรมอย่างเดียว

15. คณะเภสัชศาสตร์ ม.พายัพ (เอกชน)
ขาดแคลนแหล่งฝึกงานอย่างหนัก จนต้องส่งหนังสือเวียนขอแหล่งฝึกมาไกล ถึงภาคใต้ (จ.นครศรีธรรมราช สุราษ สงขลา ตรัง)

16. สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์
ปีการศึกษา 2553 โดนลดจำนวนรับนักศึกษา เพราะว่าจำนวนอาจารย์ไม่เพียงพอ

17. คณะเภสัชศาสตร์ ม.อีสเทิร์นเอเชีย (เอกชน)
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวที่มีการเสียค่าปรับ 6 หมื่นบาท หากนักศึกษาลาออกระหว่างเรียน

18. คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนเทเรซ่า (เอกชน)
ปีการศึกษา 2553 งดรับนักศึกษา ไปก่อน ทั้ง ๆ ที่เก็บเงินค่าลงทะเบียนไปแล้ว เพราะเปิดรับทั้งที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากสภาเภสักรรม

19. คณะเภสัชศาสตร์ ม.บูรพา
ได้รับอนุมัติหลักสูตรหลังการสอบแอดมิชชั่นแล้ว จึงเปิดรับนิสิตรอบพิเศษ

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ย. 2010, 16:44
โดย apotheker
ขอบคุณครับ ข้อมูลแน่นมาก :biggrin:

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 12 ก.ย. 2010, 11:24
โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง
ม.ไหนเรียนจบแล้วเปิดร้านยาได้เลยบ้าง

Re: ตอนนี้เป็นยุคมืดของเภสัชกร???

โพสต์โพสต์แล้ว: 13 ก.ย. 2010, 00:29
โดย Pharma_Name
ธวัชชัย วรรณสว่าง เขียน:ม.ไหนเรียนจบแล้วเปิดร้านยาได้เลยบ้าง


ขั้นการเปิดร้านยาของเภสัชกร คือ เรียนให้จบหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตก่อน (ไม่ว่าจะสาขาไหนก็ตาม) ต่อจากนั้นต้องสอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมให้ผ่าน ที่เหลือก็หาทุน หาสถานที่ แล้วก็เปิดร้านยาได้ครับ ไม่ว่าจบมหาวิทยาลัยไหนก็เปิดได้ครับ