PharmaCafe.com

jupiter เขียน:เคยเจอเหมือนกัน

นอนไม่หลับจ่าย d2 l0.5

ไอ จ่าย amox ซึ่ง pt ไม่ได้เจ็บคอสักหน่อย

ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนจ่าย ลำพังพยาบาลจ่าย d2 l0.5 ไม่ได้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จ่ายไม่ได้ นอกจากมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น
เมื่อ รพ.สต. มียาดังกล่าวอยู่ในคลัง ก็สุ่มเสี่ยงคะ เพราะแพทย์ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา คนไข้ที่เคยได้ก็อยากจะได้

ความคิดดีแต่ไม่รัดกุม อยากให้ดูแลทั่วถึงบรรเทาคนไข้ในโรงพยาบาล แต่คนดูแลอาจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงและยังอาจทำให้ภาระฉุกเฉินเพิ่มขึ้น การจักสรรกำลังคนไม่ค่อยเหมาะสมเพราะขาดความคิดรอบด้านและไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นคนกำหนดแบบแผน(ถ้าเป็นบุคลากรทางการแพทย์แสดงว่าคนคิด ได้แต่คิดทำงานเอาหน้า วางแผนการจัดการไม่เป็นและลำดับความสำคัญไม่ได้)

PHARMA_GIRL เขียน:

jupiter เขียน:เคยเจอเหมือนกัน

นอนไม่หลับจ่าย d2 l0.5

ไอ จ่าย amox ซึ่ง pt ไม่ได้เจ็บคอสักหน่อย

ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนจ่าย ลำพังพยาบาลจ่าย d2 l0.5 ไม่ได้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จ่ายไม่ได้ นอกจากมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น
เมื่อ รพ.สต. มียาดังกล่าวอยู่ในคลัง ก็สุ่มเสี่ยงคะ เพราะแพทย์ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา คนไข้ที่เคยได้ก็อยากจะได้

คนจ่ายคือ เจ้าหน้าที่อนามัย จ่ายที 30-40 เม็ด

ส่วนในรพ. ใครนอนไม่หลับพยาบาลจ่าย lora0.5 เลย 20 เม็ด

ก็อย่างที่บอก ถ้าทำแล้วประชาชนได้รับประโยชน์ มันก็คือ รพ.สต.
แต่ถ้าทำไปแล้วประชาชนไม่ได้อะไร มีแต่เจ้าหน้าได้รับ มันก็คือ รพ.สต.

คิดเอาเอง

fharx019 เขียน:ความคิดดีแต่ไม่รัดกุม อยากให้ดูแลทั่วถึงบรรเทาคนไข้ในโรงพยาบาล แต่คนดูแลอาจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงและยังอาจทำให้ภาระฉุกเฉินเพิ่มขึ้น การจักสรรกำลังคนไม่ค่อยเหมาะสมเพราะขาดความคิดรอบด้านและไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นคนกำหนดแบบแผน(ถ้าเป็นบุคลากรทางการแพทย์แสดงว่าคนคิด ได้แต่คิดทำงานเอาหน้า วางแผนการจัดการไม่เป็นและลำดับความสำคัญไม่ได้)

แนวทางปฎิบัติเพื่อพัฒนาสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

จากหนังสือกระทรวงสาธารณสุขโดยปลัดกระทรวงลงนาม

1. องค์ประกอบหลักของ รพ.สต. ประกอบด้วย 4 ข้อ

1) มีการปรับภาพลักษณ์ ได้แก่ Logo และ ป้ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตามแบบที่กำหนด
2) มีบุคคลากร พร้อมดังนี้ รพ.สต.เดี่ยวมี 4 ตำแหน่ง / รพ.สต. เครือข่าย 7 ตำแหน่ง
2.1 หัวหน้าสถานีอนามัย จะเปลี่ยนเป็นผู้อำนวยการ รพ.สต.
2.2 แพทย์ หรือ พยาบาลเวชปฏิบัติ หรือ พยาบาลวิชาชีพคนใดคนหนึ่ง
2.3 สายส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ได้แก่ นักวิชาการสาธารณสุข ซึ่งจะทำหน้าที่ส่งเสรมสุขภาพ ควบคุม และป้องกันโรค
2.4 สหวิชาชีพต่างๆ ได้แก่ ทันตาภิบาล เภสัชกร แพทย์แผนไทย กายภาพบำบัด หรืออื่นๆ
3) .....
4) .....

ตำแหน่งที่อยู่หน้าเภสัชกรนั้น เป็นทันตาภิบาล ก็ไม่ใช่ทันตแพทย์ แต่เป็นเจ้าหน้าที่อนามัยเดิมแล้วนำไปอบรม 2 ปี จึงมาเป็นทันตาภิบาล

จะเห็นได้ว่าเขาวางตำแหน่งของเภสัชกรไปอยู่ลำลับสุดท้ายคือลำดับที่ 4 และมีความสำคัญต่อท้าย ทันตาภิบาล
ไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร และกรรมการสภาเภสัชกรรมคิดอย่างไรในฐานะที่ท่านเป็นตัวแทนเภสัชกรไทย



.

เขาเอาทันตาภิบาลไว้ก่อนเภสัชกรนะถูกแล้ว เพราะตำแหน่งนี้เขาก็มีกรอบมาตั้งนานนม
และเป็นบุคลากรที่จำเป็นกว่าด้วยในการดูแลสุขภาพช่องปาก ซึ่งอาชีพอื่นๆ เช่นนักวิชาการ
พยาบาล ก็ไม่สามารถที่จะทำงานแทนได้ แล้วที่กล่าวว่าให้เจ้าหน้าที่เก่าๆ เป็นอบรม 2 ปีนะมีน้อยมากนะ
ส่วนใหญ่ 99 % ก็เด็กจบ ม.6 ที่เรียนเก่งๆ สอบได้แล้วไปร่ำเรียนไม่ใช่ไปอบรม ในเขตเขตและเวลาที่เหมาะสมในงานที่ต้องทำ
อยู่แล้ว ก็ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนได้ ก็สุดยอดแล้ว หนักๆ ก็ส่งให้ทันตแพทย์ไป
ส่วนเภสัชกร เหล่านักวิชาการ พยาบาล จพ.สาสุขก็สามารถให้ความรู้ได้ กับไอ้แค่ยา 100 กว่าตัว
แถมเป็นยาที่ไม่ได้เสี่ยงอะไรมากมาย ซึ่งจะให้เภสัชที่ร่ำเรียนมามากมาย ไปอธิบายยาเหล่านั้น ก็อาจจะเป็น
การขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไป ให้ทำงานในห้องยาให้เกิดประโยชน์ที่สุดในห้องยาก่อนเถอะค่อยคิดอยากจะลงไปอยู่
รพสต พอจะให้ไปอยู่จริงก็ไม่อยากไปหรอก เพราะส่วนมากก็มีแต่คุณหนู กันทั้งนั้น (สักวันก็ต้องบ่น ร้อนบ้างละ
ค่าเวร, ค่าอื่นๆ ไม่ได้ อีกมากมาย ยังจะอยากไปอยู่อีกหรือ)
แล้วไอ้ยา นอนหลับทั้งหลาย รพสต เขาก็เบิกยาจาก รพ ก็ตั้งกรอบให้เขาใช้ เขาก็ใช้สิ ไม่อยาก
ให้ใช้ก็เอาออกจากกรอบสิ ง่ายจะตาย ถ้าไม่มี เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่เดือนร้อนหรอก เขาสามารถเปลี่ยนตัวอื่นๆ ได้เช่นกัน

korpai เขียน:เขาเอาทันตาภิบาลไว้ก่อนเภสัชกรนะถูกแล้ว เพราะตำแหน่งนี้เขาก็มีกรอบมาตั้งนานนม
และเป็นบุคลากรที่จำเป็นกว่าด้วยในการดูแลสุขภาพช่องปาก ซึ่งอาชีพอื่นๆ เช่นนักวิชาการ
พยาบาล ก็ไม่สามารถที่จะทำงานแทนได้ แล้วที่กล่าวว่าให้เจ้าหน้าที่เก่าๆ เป็นอบรม 2 ปีนะมีน้อยมากนะ
ส่วนใหญ่ 99 % ก็เด็กจบ ม.6 ที่เรียนเก่งๆ สอบได้แล้วไปร่ำเรียนไม่ใช่ไปอบรม ในเขตเขตและเวลาที่เหมาะสมในงานที่ต้องทำ
อยู่แล้ว ก็ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนได้ ก็สุดยอดแล้ว หนักๆ ก็ส่งให้ทันตแพทย์ไป
ส่วนเภสัชกร เหล่านักวิชาการ พยาบาล จพ.สาสุขก็สามารถให้ความรู้ได้ กับไอ้แค่ยา 100 กว่าตัว
แถมเป็นยาที่ไม่ได้เสี่ยงอะไรมากมาย ซึ่งจะให้เภสัชที่ร่ำเรียนมามากมาย ไปอธิบายยาเหล่านั้น ก็อาจจะเป็น
การขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไป ให้ทำงานในห้องยาให้เกิดประโยชน์ที่สุดในห้องยาก่อนเถอะค่อยคิดอยากจะลงไปอยู่
รพสต พอจะให้ไปอยู่จริงก็ไม่อยากไปหรอก เพราะส่วนมากก็มีแต่คุณหนู กันทั้งนั้น (สักวันก็ต้องบ่น ร้อนบ้างละ
ค่าเวร, ค่าอื่นๆ ไม่ได้ อีกมากมาย ยังจะอยากไปอยู่อีกหรือ)
แล้วไอ้ยา นอนหลับทั้งหลาย รพสต เขาก็เบิกยาจาก รพ ก็ตั้งกรอบให้เขาใช้ เขาก็ใช้สิ ไม่อยาก
ให้ใช้ก็เอาออกจากกรอบสิ ง่ายจะตาย ถ้าไม่มี เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่เดือนร้อนหรอก เขาสามารถเปลี่ยนตัวอื่นๆ ได้เช่นกัน

ในฐานะเภสัชกรคนหนึ่ง....เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง...