หน้า 3 จากทั้งหมด 3

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 15:53
โดย smartss
TUANG เขียน:งง สรุปกลัวเสียเงิน แต่คนไข้เป็นไงช่างมันใช่ปะ โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับร่างพรบ.นี้นะ

นี่แหละที่หลายคนออกมาค้านอย่างไม่มีเหตุผลและออกมาแบบอ้างเหตุผลต่างๆ
1ไม่มีพรบ.แล้วฟ้อง หรือมีพรบ.จ่ายแล้วจะฟ้องต่อ ห้ามกันไม่ได้แต่กรณีผิดจริงศาลท่านจะลดหย่อนโทษให้ได้เมื่อมีการเยียวยาไปแล้ว และบางกรณีที่เยียวยาไปแล้วแต่ไม่เป็นความผิดของบุคลากรเป็นเหตุสุดวิสัยก็ไม่ได้อะไรอีกไม่สามารถอ้างได้ว่าการจ่ายแล้วถือเป็นการยอมรับผิด(อย่าไปดูถูกศาลท่าน)
2ไม่ไช่หมอหรือเภสัชหรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่จะต้องเสียเงิน จ่ายเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการเสี่ยงไม่ไช่มีใบประกอบเสียทุกคน บางคนไม่ได้เกี่ยวไม่ได้ทำงานตรงๆหรือ พรบ.ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงก็ไม่ต้องจ่าย กรุณาอย่ามาเหมาเอามั่วๆ
3การเห็นด้วยกับพรบ.ไม่ได้เป็นการสมน้ำหน้าหมอกลับเห็นใจด้วยที่ต้องมาจ่ายอาจเพิ่มรายได้ให้วิชาชีพหมอเภสัชพยาบาลเป็นค่าเสี่ยง..
แต่สิทธิการได้รับการเยียวยาช่วยเหลือของคนทั้งประเทศมันยิ่งใหญ่กว่ากันมากอย่าลืมว่าเราหรือหมอเองก็ได้รับการคุ้มครองเมื่อเป็นผู้ป่วยซะเอง

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 18:09
โดย API
smartss เขียน:นี่แหละที่หลายคนออกมาค้านอย่างไม่มีเหตุผลและออกมาแบบอ้างเหตุผลต่างๆ
1ไม่มีพรบ.แล้วฟ้อง หรือมีพรบ.จ่ายแล้วจะฟ้องต่อ ห้ามกันไม่ได้แต่กรณีผิดจริงศาลท่านจะลดหย่อนโทษให้ได้เมื่อมีการเยียวยาไปแล้ว และบางกรณีที่เยียวยาไปแล้วแต่ไม่เป็นความผิดของบุคลากรเป็นเหตุสุดวิสัยก็ไม่ได้อะไรอีกไม่สามารถอ้างได้ว่าการจ่ายแล้วถือเป็นการยอมรับผิด(อย่าไปดูถูกศาลท่าน)


ใช่ครับ ไม่มีใครดูถูกศาล ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครไปดูถูกศาล ดังนั้นทุกวันนี้คนที่ได้รับความเสียหายก็ฟ้องศาลได้อยู่แล้ว ศาลท่านยุติธรรมอยู่แล้ว แล้วจะมี พรบ.นี้มาเพื่ออะไร ถ้าคนที่ได้รับความเสียหายอยากได้การชดเชยจากความเสียหาย ผู้เสียหายก็ควรจะเป็นผู้จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อประกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในการรับบริการใช่หรือไม่

บุคคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าวหรือไม่ หรือเกิดจากการไม่พร้อมของหน่วยงานที่บุคคลนั้นให้การบริการอยู่ ใครกันล่ะที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินดังกล่าวเข้ากองทุน

ถ้าผมต้องเป็นผู้จ่ายเงินดังกล่าวเข้ากองทุนแล้ว มันต้องทำให้เรื่องทุกอย่างจบ ไม่มีการฟ้องร้องต่อ กองทุนดังกล่าวต้องคุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งหมด (ในขณะที่ผู้มารับบริการที่เจ็บป่วย ไม่ว่าจากการไม่ดูแลตัวเองหรือเจ็บป่วยเพราะโรคอื่น ไม่ต้องจ่ายอะไรให้กองทุนนี้เลย คอยรับอย่างเดียว)

ถ้าผู้เสียหายไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ คุณก็ไปพึ่งศาลเอา เพราะศาลเค้ายุติธรรมอยู่แล้ว....

smartss เขียน: 2ไม่ไช่หมอหรือเภสัชหรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่จะต้องเสียเงิน จ่ายเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการเสี่ยงไม่ไช่มีใบประกอบเสียทุกคน บางคนไม่ได้เกี่ยวไม่ได้ทำงานตรงๆหรือ พรบ.ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงก็ไม่ต้องจ่าย กรุณาอย่ามาเหมาเอามั่วๆ
3การเห็นด้วยกับพรบ.ไม่ได้เป็นการสมน้ำหน้าหมอกลับเห็นใจด้วยที่ต้องมาจ่ายอาจเพิ่มรายได้ให้วิชาชีพหมอเภสัชพยาบาลเป็นค่าเสี่ยง..
แต่สิทธิการได้รับการเยียวยาช่วยเหลือของคนทั้งประเทศมันยิ่งใหญ่กว่ากันมากอย่าลืมว่าเราหรือหมอเองก็ได้รับการคุ้มครองเมื่อเป็นผู้ป่วยซะเอง


เวลาผมเป็นผู้ป่วยเสียเอง ผมก็จะไม่เอาจากใครอย่างเดียวครับ ถ้าผมรู้ว่าผมจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ ผมก็ยอมที่จะจ่ายค่าประกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นครับ รูปแบบของประกันชีวิตก็มีเยอะแยะ ผมถึงเสนอให้มี พรบ.ประกันสุขภาพ ภาคบังคับ ที่ให้ประชาชนทุกคนต้องมีไงครับ

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 19:08
โดย zartingtong
งง สรุปกลัวเสียเงิน แต่คนไข้เป็นไงช่างมันใช่ปะ


ตอนนี้ผู้ป่วยที่ได้รับความเสียหายก็ไปร้องขอจากรัฐบาลช่วยได้อยู่แล้วใช่หรือเปล่า? แต่กลับมีคนไปแจ้งขอน้อยกว่าที่คาด เพราะไม่มีการเก็บเงิน เลยไม่มีเงินมาจ้างพวก ลิง พวกค่าง พวกบ่างช่างยุ เข้าไปทำงานเพื่อเรียกร้องกันให้ถนัดๆ เรียกว่าแบบที่เก็บเงินไปจ้างพวกนี้มาเผาตัวเอง ฉลาดเป็นบ้า มีแต่คนไม่มีใบประกอบจะจัดให้

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 20:23
โดย smartss
API เขียน:ใช่ครับ ไม่มีใครดูถูกศาล ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครไปดูถูกศาล ดังนั้นทุกวันนี้คนที่ได้รับความเสียหายก็ฟ้องศาลได้อยู่แล้ว ศาลท่านยุติธรรมอยู่แล้ว แล้วจะมี พรบ.นี้มาเพื่ออะไร ถ้าคนที่ได้รับความเสียหายอยากได้การชดเชยจากความเสียหาย ผู้เสียหายก็ควรจะเป็นผู้จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อประกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในการรับบริการใช่หรือไม่

เห็นด้วยส่วนที่ต้องให้ผู้เสียหายมีส่วนจ่ายเงินเข้ากองทุน
นานๆจะเจอคนที่ไม่เหมามั่ว ค้านอย่างมีคุณภาพ :razz:

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 20:39
โดย smartss
API เขียน:
บุคคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าวหรือไม่ หรือเกิดจากการไม่พร้อมของหน่วยงานที่บุคคลนั้นให้การบริการอยู่ ใครกันล่ะที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินดังกล่าวเข้ากองทุน

ใช่มีส่วนหนึ่ง..บุคคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าว
เช่น กรณีที่เป็นประมาท หรือไม่ยึดหลักวิชาการหรือทำหลายๆอย่างไปพร้อมๆกันทั้งเรียนทั้งเปิดคลินิก ราชการ อาจารย์ บริหาร

ความไม่พร้อม การไม่จัดการบริหารให้ดีของ รพ.ผู้บริหารให้ทำงานเกินกำลังไม่จัดหาอัตรากำลังให้เพียงพอกีดกันการผลิตแพทย์เพิ่ม
การนำคนป่วยหลายๆโรคหลายๆวัยหลายๆความรุนแรงมารวมกันในเวลาเดียว การจัดจ่ายยามากๆมาทำพร้อมๆกันในเวลาใกล้กันในที่ๆเดียวกัน
เช่นOPDเช้า9.00-12.00ที่เหลือไปทำอย่างอื่นบางคนเร่งตรวจแบบต่ำกว่ามาตราฐานบ่ายไปประชุมหนีกันไปเที่ยวสัมนาบริษัทบ่ายเย็นทำเอกชน
ควรให้รัฐ รพ.และบุคลากรมีส่วนร่วมจ่ายหรือจะผลักภาระก็ได้

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 20:48
โดย smartss
API เขียน:ถ้าผมต้องเป็นผู้จ่ายเงินดังกล่าวเข้ากองทุนแล้ว มันต้องทำให้เรื่องทุกอย่างจบ ไม่มีการฟ้องร้องต่อ กองทุนดังกล่าวต้องคุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งหมด

กรณีที่เป็นความผิดชัดๆเต็มๆมันต้องจ่ายมากกว่าปรกติอยู่แล้วไม่ว่าจะจ่ายเพิ่มผ่านกองทุนหรือจ่ายเองจากการถูกฟ้อง
ส่วนทางอาญาก็ลดโทษลงได้บ้างแล้วแต่จะทำตัวอย่างไรช่วยเหลือตามหลักมนุษย์.ไปบ้างหรือยัง
แต่ถ้าไม่ผิดจริงการฟ้องจะไม่เป็นผลไม่มีมูลไม่รับฟ้อง กรณีมีมูลต้องพิสูจณ์ก็ต้องให้โอกาสกันหรือต้องการปิดกันทั้งที่แน่ใจว่าตนไม่ผิด

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 21:12
โดย smartss
API เขียน:ใช่ครับ ไม่มีใครดูถูกศาล ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครไปดูถูกศาล ดังนั้นทุกวันนี้คนที่ได้รับความเสียหายก็ฟ้องศาลได้อยู่แล้ว ศาลท่านยุติธรรมอยู่แล้ว แล้วจะมี พรบ.นี้มาเพื่ออะไร ..


มีเพื่อเยียวยาผู้ป่วยที่เกิดจากการักษาในขั้นต้นก่อนโดยให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
หากการชดเชยยังไม่สมกับความเสียหายหรือความผิดมันหนักหนาอย่างไรก็ไปร้องต่อศาลให้ตัดสินขั้นที่เหลือ
ทางเพ่ง ผิดมีส่วนต้องจ่ายเพิ่มอีกไหมจากที่พรบ.จ่าย
ทางอาญา เยียวยาแล้วลดโทษ หากผิด ก็รอลงอาญา บรรเทาโทษกันได้แค่ไหน(แต่ถ้าไม่มีการเยียวยาเลยต้องโดนเต็มๆ)
การปล่อยให้คู่กรณีลำบากกับการรักษาตัวแล้วต้องมาฟ้องอีกมันอนาถ เหมือนการสู้คดีกับคนกำลังเจ็บป่วยพิการมันไม่แฟร์
อาจมองได้ว่าการได้รับการเยียวยาไปแล้วมันทำให้เขาเลิกลา แต่ก็ทำให้หลายคนมีกำลังฟื้นกลับมารบได้แข็งแกร่งขึ้นหลายคนคงกังวลตรงนี้
แต่คนที่เขาแค้นขนาดนั้นคงมั่นใจว่าเขาถูก แต่ถ้า รพ.ไม่ผิดจริงฟ้องไปมันก็เท่านั้นไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 05 มี.ค. 2011, 21:42
โดย API
^
^
ถ้ามองอย่างงี้ก็ให้เป็น พรบ. ภาคสมัครใจครับ สถานบริการไหนใครคิดว่าตัวเองจะมีความเสี่ยงที่จะได้ประโยชน์จาก พรบ.ในการช่วยลดความรุนแรงจากการฟ้องร้อง แล้วคิดว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ก็เข้าร่วมกับ พรบ.

สถานที่ไหนคิดว่าตัวเองประกอบวิชาชีพที่รัดกุม ให้บริการที่ดีอยู่แล้ว โอกาสผิดพลาดต่ำ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้า พรบ. เพราะเป็นการเสียเปล่า ไม่คุ้มกับประโยชน์ที่จะได้รับ อย่างงี้จะได้ไหมครับ

ใครทำผิดก็ควรจะจ่ายมาก ใครทำถูกต้องไม่สมควรที่จะต้องจ่ายอะไรอีก....

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 06 มี.ค. 2011, 08:56
โดย smartss
API เขียน:^
^
ถ้ามองอย่างงี้ก็ให้เป็น พรบ. ภาคสมัครใจครับ สถานบริการไหนใครคิดว่าตัวเองจะมีความเสี่ยงที่จะได้ประโยชน์จาก พรบ.ในการช่วยลดความรุนแรงจากการฟ้องร้อง แล้วคิดว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ก็เข้าร่วมกับ พรบ.

สถานที่ไหนคิดว่าตัวเองประกอบวิชาชีพที่รัดกุม ให้บริการที่ดีอยู่แล้ว โอกาสผิดพลาดต่ำ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้า พรบ. เพราะเป็นการเสียเปล่า ไม่คุ้มกับประโยชน์ที่จะได้รับ อย่างงี้จะได้ไหมครับ

ใครทำผิดก็ควรจะจ่ายมาก ใครทำถูกต้องไม่สมควรที่จะต้องจ่ายอะไรอีก....

มีความเป็นไปได้เเป็นแนวทางหนึ่งที่น่าจะเลือกกัน^^

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 06 มี.ค. 2011, 09:01
โดย zartingtong
ทำอย่างบอก พรบ.สมัครใจไม่ได้หรอก เงินที่เก็บได้ ไม่พอจ้าง พวกบ่างช่างยุ ด้วยซ้ำ จะเอาอะไรมาจ่ายคนไข้อีก

อย่าลืมว่าตอนนี้มีการจ่ายช่วยเหลือได้อยู่แล้ว กลับไม่ค่อยมีคนไปขอ :lol:

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 10 มี.ค. 2011, 17:14
โดย smartss
กลไกของพ.ร.บ.ที่ควรมี
หน้าที่การ ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม ลดความขัดแย้ง ผ่อนหนักเบา ช่วยให้มีการตกลงกันได้ (เท่าที่จะทำได้ในกรอบของรัฐธรรมนูญ)
หน้าที่การแบ่งเบาทุกข์ กระจายสุข กระจายและบรรเทาความเสี่ยง
หน้าที่ การักษาเยียวยาเฉพาะหน้าอย่างทันการณ์ การชดเชยในระยะยาวอย่างสมเหตุผล
อาจมีอีกหลายจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ควรช่วยกันตรวจสอบปรับปรุงไปเรื่อยๆไม่ควรล้มทั้งหมดหรือปิดกั้นไม่ให้มีพ.ร.บ.ลักษณะนี้เลย
มีตัวอย่างให้ศึกษาจาก พ.ร.บ..อื่นๆ เช่น พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองแรงงาน คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ร.บ.ประกันสังคม
อาจมีทั้งภาคบังคับและสามารถซื้อเพิ่ม ชั้น3ชั้น 2ชั้น 2+ชั้น 1ตามแต่ รพ.จะหามาแข่งขันกันเพิ่มคุณภาพการให้บริการที่ดี

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 21 มี.ค. 2011, 16:04
โดย PHARMA_GIRL
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้พวกเราได้รับความกระจ่างใจในเรื่องนี้ในระดับที่พึงพอใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ smartss แสดงความเห็นได้ครอบคลุมดีคะ

Re: แพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันแต่งชุดดำค้าน พรบ.คุ้มครองผู้เสี

โพสต์โพสต์แล้ว: 25 มี.ค. 2011, 16:31
โดย PHARMA_GIRL
สวัสดีคะ
โดยจุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้ต้องการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของสหวิชาชีพทางสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
ก่อนอื่นเราต้องดูหลักการของ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข วัตถุประสงค์ของร่าง พรบ. ฉบับนี้เพื่อ 1. ชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการ *** 2. การลดปัญหาความขัดแย้งแพทย์และผู้ป่วย และ 3. พัฒนาระบบบริการรักษาพยาบาล ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่เป็นประโยชน์ต่อแพทย์ด้วย โดยเฉพาะการลดปัญหาฟ้องร้อง

วัตถุประสงค์ทั้ง 3 นี้ ประชาชนที่ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บัตรทอง ของ พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ได้รับความคุ้มครองตาม พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 อยู่แล้ว ซึ่งมีจำนวนทั่วประเทศ 47 ล้านคน

แต่ประชาชนที่ใช้บริการหลักประกันสังคมและใช้สิทธิข้าราชการรวมคนกลุ่มนี้ประมาณ 6 ล้านคน ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง เพราะพรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ไม่ได้คุ้มครองคนกลุ่มนี้ ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข จึงเข้ามารองรับคนกลุ่มนี้เพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม ยังรวมถึงประชาชนที่มีหรือไม่มีบัตรทองแต่ไปรับบริการสาธารณสุขจากภาคเอกชนหรือภาครัฐให้ได้รับความคุ้มครองด้วย

วัตถุประสงค์หลักเขาเน้นเรื่องนี้จริงๆ

***
รัฐเป็นผู้จ่ายให้ผู้เสียหายเบื้องต้นตามมาตรา 41 สูงสุดไม่เกินรายละแสนสองหมื่นบาท โดยยังไม่มีการพิสูจน์ว่าแพทย์ผิดหรือไม่เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาล
ในปี พ.ศ. 2552 รัฐได้กันเงินไว้จ่ายให้ผู้ได้รับความเสียหายถึง 1000 ล้านบาท แต่จ่ายจริงทั่วประเทศเพียง 70 ล้านบาทเท่านั้น