1. เห็นด้วยกับความเห้นที่ว่าจะพึ่งเรื่อง พรบ.ยา จากกรรมการสภาเภสัชกรรมไม่ได้ เพราะไม่มีคนไหนที่เป็นเภสัชกรชุมชนเต็มตัวเลย จึงไม่รับรู้ปัญหาอุปสรรคที่เภสัชกรชุมชนได้ได้รับ
เพราะเภสัชกรชุมชนที่จบมาแล้วได้ใช้วิชาชีพเพื่องเลี้ยงตัว(ได้)จริงๆมีน้อยมาก คือเลี้ยงตัวได้จากการขายยาที่ได้เล่าเรียนมาโดยตรง
ลองไปดูจะเห้นว่าเภสัชกรชุมชนที่เปิดร้านมากกว่า 70 % ที่จะอยู่รอดได้ต้องขายอย่างอื่นไปด้วย เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ สะบู่ยาสีฟัน น้ำแข็ง ไอศครีม (ยุคหนึ่งเรือนยาของพี่คฑาก็ขายไอศครีม/น่าอายมาก) นอกจากนี้ยังมีตู้แช่เก๊กฮวย น้ำอัดลม เภสัชกรบางคนต้มน้ำมะพร้าวแช่เย็นขาย ต้มน้ำลำไย ฯลฯ
ที่เภสัชกรที่ขายยาล้วนๆมีไม่ถึง 15 %
จะเห้นได้ว่าลำพังเภสัชกรที่ขายยาอย่างเดียวแล้วเอาตัวไม่รอด พอเปิดได้ไม่นานก็เจ๊ง ก็เพราะการขายยาให้คนไข้ไม่ใช่เภสัชกรเท่านั้น ยังมีหมอตี่ แพทย์มาแย่งอาชีพ นี่จะให้พยาบาลขายยาได้อีกแล้วแถมยังไม่ต้องขอใบอนุญาตด้วย ไปกันใหญ่แล้ว แล้วจะมีใบสั่งที่ไหนมาร้านขายยา
2. มีกรรมการสภาเภสัชกรรมหลายท่านเคยทำงานอยู่ อย. รับใช้เป้นทาสหมอจนเข้ากระดูก ทำ พรบ.ยามากับมือ เข้าข้างหมอมาตลอด การที่ถูกเลือกเข้ามาก้เพราะว่าพวกเราไม่ได้ติดตามเรื่องเหล่านี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ไส้สึกเข้ามาทำลายวิชาชีพเพียงเพื่อชื่อเสียงตนเองและพวกพ้อง
ขอให้พวกเราอย่าไปหลงประเด็นปลีกย่อย
เองหลักคือ"ยา" ต้องเป็นหน้าที่ของเภสัชกรเท่านั้น