อ้างถึง หนังสือที่ สธ 0201.039/ว.119 ลว 11 พ.ค. 50 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคลสายงานทันตแพทย์และเภสัชกรรม กำหนดว่าผู้ที่จะเข้ารับการประเมิน ระดับซี 8 ต้องมีวุฒิการศึกษาเพิ่มอย่างน้อยประกาศนียบัตรบัณฑิต และผู้ที่จะเข้ารับการประเมินซี 9 ต้องมุวุฒิเพิ่มอย่างน้อยระดับ ป.โท และ[url]
บังคับใช้เฉพาะกับผู้ที่บรรจุตั้งแต่ 1 เม.ย. 2542 เป็นต้นไปนั้น.[/url]...เรื่องก็มีอยู่ว่า....
ผมมีโอกาสที่ควรจะได้รับการประเมิน เป็นเภสัชกร ระดับ ชำนาญการพิเศษ แต่ก็พบปัญหาจากวุฒิเพิ่มเติมที่ว่า เลยไม่สามารถที่จะดำเนินประเมิน ระดับ ชำนาญการพิเศษ ต่อไปได้ ตราบใดที่วุฒิการศึกษาของผมยังไม่ได้ตามที่กำหนด นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมคงต้องยอมก้มหน้ารับไปและต้องไปหาศึกษาเพิ่มเติมให้ได้ตามนั้น แต่มีข้อข้องใจบางอย่างที่ยังไม่ได้รับคำตอบ เนื่องจากได้โทรศัพท์คุยกับทางส่วนกลางที่รับเรื่องการประเมินผลงานสาขาเภสัชกรรม ผมจึงถามว่า โอเคต่อไปในการประเมินระดับชำนาญการพิเศษหรือเชียวชาญอาจจะต้องมีวุฒิการศึกษาเพิ่มเติม แต่ทำไมต้องเป็นเฉพาะคนที่บรรจุตั้งแต่ 1 เม.ย.2542 ด้วย มาฟังเหตุผลกันครับ
1.เภสัชกรรุ่นที่บรรจุก่อน 1 เม.ย. 2542 อาจถือได้ว่าเป็นผู้มีประสบการณ์สูงแล้ว และคงเป็นการยากลำบากแก่พวกท่านเหล่านั้นมาก หากต้องให้พวกท่านเหล่านั้นมานั้งศึกษาต่อเพื่อหาวุฒิทางการศึกษาเพิ่มเติม ส่วนเภสัชกร ที่บรรจุตั้งแต่ 2542 ไป ยังสามารถที่จะมีแรงกำลังและโอกาสเรียนรู้ได้อีกมากมาย และเป็นการสร้างโอกาสให้กับน้องๆ ที่จะได้เป็นข้อที่จะเอาไปต่อรองกับ ผอ. ในเรื่องการศึกษาแบบต่อเนื่อง(คงเคยเห็นหนังสือเชิญประชุมที่เก็บหน่วงกิตสะสมไปปรับประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือ ป.โท ที่ความร่วมมือระหว่างกระทรวงฯกับ 4 มหาวิทยาลัยฯ) ถ้าน้องลงเรียนตามที่มีหนังสือเชิญไป ป่านนี้น้องก็จบอย่างน้อยหลักสูตรประกาศนียบัตรฯแล้ว
....คำถามที่ค้างคาใจ จาก ข้อ 1....ทำไมต้องเลือกบังคับตั้งแต่ที่บรรจุ 1 เม.ย. 42 เป็นต้นไป ในเมื่อจะประกาศแล้วต้องเป็นมาตรฐานเหมือนกันหมดในตำแหน่งข้าราชการที่เรียกว่า เภสัชกร สิครับ ต้องไม่มีการแบ่งแยก หากจะอ้างว่ารุ่นเก่าแก่มีประสบการณ์มากกว่าเลยไม่ต้องมีวุฒิเพิ่มเติม มาครับ..มาวัดด้านประสบการณ์กัน เพราะผมคิดว่าผมทำงานอยู่ตรงจุดนี้ ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่ห่างไกลที่หนึ่ง การทำงานตั้งแต่เข้ารับราชการมามีปัญหาและอุปสรรคมากมาย ผมก็ทำได้มาจนถึงปัจจุบัน HA..ก็ทำจนผ่านแล้ว ผลงานอื่นๆ เช่น งานพัฒนาคุณภาพอื่นๆ งานบริหารทั่วไป งานบริหารเวชภัณฑ์ จัดซื้อร่วมจังหวัด จัดซื้อร่วมเขต สอบราคา ฯลฯ ก็ผ่านมาหมดแล้ว แล้วที่ว่าที่บรรจุก่อน ปี 2542 ด้วยภาระด้านต่างๆและอายุ อาจมีอุปสรรคในการศึกษาต่อ...ท่านเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัดว่าเป็นอุปสรรคหรือครับ แล้วคนที่บรรจุหลัง 2542 ท่านคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเราหรือครับ???...คนเราไม่มีใครแก่เกินเรียน...ไม่ใช่หรือครับ??.. ในเมื่อทุกๆท่านที่เข้ามาดำรงค์ตำแหน่ง เภสัชกร เข้ามาก็ด้วยวุฒิการที่เป็น เภสัชศาสตร์บัณฑิต เช่นกัน แล้วพอจะขึ้นประเมินระดับ 8 หรือชำนาญการพิเศษ ท่านก็มาแบ่งแยกเค้า ....ทำแบบนี้ เหมือนแบ่งตำแหน่ง เภสัชกร ออกเป็น 2 เกรดหรือป่าวครับท่าน??? หรือหลักสูตรการศึกษาของเภสัชกรรุ่นที่บรรจุ ปี 2541 กับ 2542 ไม่เหมือนกัน??? รุ่น 2542 เป็นต้นไปเป็นหลักสูตรที่ไม่ค่อยได้ความ เลยต้องมีการศึกษาเพิ่มหรือครับ??? แบบนี้ต่อไปภายหน้าท่านก็แบ่งชื่อเรียกตำแหน่งเภสัชกรย่อยไปเลยไหมครับว่า 1.เภสัชกร ชำนาญการพิเศษ(รุ่นเก่าไม่ต้องมีวุฒิเพิ่ม) และ 2.เภสัชกร ชำนาญการพิเศษ(รุ่นใหม่ต้องมีวุฒิเพิ่ม) แบบนี้ไปเลยไหมครับ??? พอดีมีพี่เภสัชกรท่านหนึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ขนาดเตียงก็น้อยนิด พี่เค้าก็บรรจุก่อนหน้าผมไป2ปี (รู้สึกบรรจุปี 2540-2541 นี่ล่ะครับ) เค้ายังผ่าน 8 เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมาอย่างไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ต้องใช้วุฒิเพิ่มเติม เพราะเค้าบรรจุก่อนปี 2542 !!!!
แล้วหนังสือที่เชิญอบรมเก็บหน่วยกิตสะสมมานะครับ ท่านเคยทราบไหม ว่าการที่จะขออนุญาตไปแบบนั้นก้ไม่ง่ายเลย เพราะอย่างที่นี่ก็ถือได้ว่าต้องสมัครไป ตามงบที่ได้รับจัดสรรในแผนพัฒนาบุคลากร ซึ่งในปีหนึ่งๆ อาจจะได้ไปแค่ 1 ครั้งเท่านั้นเพราะงบประมาณก็มีจำกัด หลักสูตรที่ว่าอย่างน้อยประกาศนียบัตรบัณฑิต ถ้าจำไม่ผิดก็ต้องเก็บหน่วยกิตให้ได้ 24 หน่วยกิตหรือป่าวไม่แน่ใจ แล้วท่านคิดว่าภายใน 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ (ประกาศเมื่อ 11 พ.ค. 50) จะเก็บให้ทันยังไงหรือครับ?? ปีงบฯหนึ่งได้ไป 1 ครั้ง ถ้าโชคดีอาจได้ไป 2 ครั้ง ครั้งละ 3 หน่วยกิต???
...ความยุติธรรม ความเสมอภาค ความเท่าเทียม..ในตำแหน่ง เภสัชกร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น "ข้าราชการ" เหมือนกัน มันอยู่ไหนครับ...แบบนี้เรียกได้ว่า...เลือกปฏิบัติหรือป่าวครับ???....
2.ย้อนไปถึงตัวหนังสือที่ว่า สธ 0201.039/ว.119 ลว 11 พ.ค. 50 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคลสายงานทันตแพทย์และเภสัชกรรม
ซึ่งก็อ้างอิงมาจาก สำนักงาน กพ. อีกที แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำหรับกรณีประเมินแบบ ซี เดิม ซึ่งปัจจุบันระบบข้าราชการเปลี่ยนไปแล้วเป็นแบบแท่ง และได้มีโอกาสเข้าไปดูใน website ของสำนักงาน กพ. เรื่อง มาตรฐานการกำหนดตำแหน่ง ก็ตามที่แนบนี้นะครับ ผมไม่ใช่นักกฎหมาย เลยไม่แน่ใจว่า หนังเดิมที่ยังเป็นการประเมินแบบ ซี อยู่ ลงเมื่อวันที่
11 พ.ค. 2550(สธ 0201.039/ว.119) กับที่ กพ. กำหนดออกมาใหม่ในรูปแบบแท่ง เมื่อ
11 ธ.ค. 2551 จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานใดกันแน่ครับ??? เพราะในระบบแท่งใหม่นี้ก็ยังไม่เห็นมี กล่าวถึงเพิ่มเติม ยกเว้นกรณีขอประเมิน ระดับ เชี่ยวชาญ
http://www.ocsc.go.th/ocsccms/frontweb/ ... CAT0002220กระดาษแผ่นเดียวใช่ว่าจะวัดคุณค่าความเป็นคน หรือประสิทธิผลงานที่ปฏิบัติได้ ... อยู่ที่คุณงามความความดี ผลงานและประสบการณ์ที่สั่งสมมาต่างหาก...นั่นล่ะ ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของข้าราชการ....
