rx_cmu เขียน:เข้ามาอ่านแล้วน่าสนใจดีนะครับ มีคนโพสความคิดเห็นแตกต่างกันไป
ผมก็เป็นเภสัชคนหนึ่งที่ทำงานราชการ ขึ้นชื่อว่าคุมร้าน...พูดซะสวยหรู....แต่ทีจริงก็แขวนป้ายนั่นแหละ
แต่ผมไปอยู่ร้านนะครับ....ตอนแรกก็อาทิตย์ละวัน ตามใบอนุญาต..5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม เพราะพี่ทีสสจ.จะออกตรวจ..
แต่ตอนนี้เพิ่มวันขึ้นมาละครับไปเกือบทุกวันเลย เพราะ พี่เขาบอกว่าจะออกตรวจถี่ยิ่งขึ้น ร้านที่จริงเปิดตั้งแต่ตอนเช้าเพราะเป็นร้านในตลาด แต่ขอตอนเย็น ซักเกือบทุ่มก็ปิดแล้ว ตกลงไปอยู่ให้เขาประมาณชั่วโมงกว่าเอง.แต่พอมีประเด็นเรื่องการแขวนป้ายอย่างหนักหน่วง
เฮียเจ้าของร้านก็เลยไม่สบายใจ..กลัวเราจะถอนป้ายเพราะแกขายยามานาน เรียกว่าเป็นอาชีพ แกเคยบอกว่าถ้าไม่ขายยาแล้วผมจะไปทำไรกิน ผมขายยามา กว่า 30 ปีแล้ว ก็สงสารเหมือนกันครับ พอดีเป็นร้านที่อยู่ในเมืองมียอดขายที่เยอะอยู่บ้าง พอดีมีน้องเภสัชจบใหม่มาสมัครแกก็เลยรับ เงินเดือน ก็ สองหมื่นกว่าครับ ทำงาน 9 โมงถึง 5 โมงเย็น แต่จบใหม่จริงๆ ไม่มีประสบการณ์ เฮียเขาก็ต้องจ้างเพื่อความอยู่รอด..
แต่เจ้าของร้านแกก็ยังไม่แน่ใจ ในความไม่แน่นอน ก็เลยใช้ ทั้ง 2 คนเลยประมาณว่า ใช้ป้ายผมตอนเย็น ป้ายน้องเภสัชคนใหม่ตอนเช้าสลับกันไป เผื่อน้องมันถอดใจลาออก... ไปคิดดูค่าใช้จ่ายเจ้าของร้านต้องรับภาระหนักเหมือนกัน เท่าที่ดูจากยอดขายรายได้คงลดไปพอสมควร แต่ถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาบอกว่าเพื่อให้ถูกกฏหมาย ร้านยาเก่าอย่างพวกเราที่จริงก็มีไม่มาก เพราะลูกค้าเขาเลือกบริโภคยามากยิ่งขึ้น เค้าจะถามหาเภสัชกรเหมือนกัน มีเสื้อกาวน์ขาวอยู่ด้วยรู้สึกมั่นใจในการขายยา อุ่นใจด้วย ถ้าลูกค้ามาถามหาเภสัชกรเราก็มี อีกหน่อยร้านยาแบบเราก็ล้มหายตายจากไปเอง ..ฟังแล้วน่าเห็นใจ ที่จริงร้านพวกนี้เขาขายยาที่เป็นยาตลาด ยาเรียก ไม่ใช่ยาจัดชุด เน้นราคาแข่งกัน กำไรก็คงไม่มาก ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าในมุมมองร้านขายยาเก่าๆ ที่ไม่มีเภสัชเป็นเจ้าของเขาก็คงอยากพัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอด แต่เขาก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง
แต่อยากจะฝากบอกเภสัชกรทั้งหลายว่าร้านยาที่แขวนป้ายไม่ได้เลวร้ายทุกร้านนะครับ ที่เขาทำเพราะเป็นอาชีพ เขาเปิดก่อนที่กฎหมายพวกนี้จะบังคับ บางทีจะต้องมีที่ให้เขายืนบ้าง มันคงจะจบแค่รุ่นเขาเองอีกไม่กี่ปี แล้วกลับมาดูร้านขายยาอย่างพวกเราเป็นเจ้าของซิครับ เห็นพี่น้องบางคน เปิดร้านขายยา ขอเวลาทำการ 5 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม แต่เปิดขายทั้งวันโดยให้คนอื่นขาย ขอโทษนะครับที่พาดพิงบางท่าน ซึ่งผมว่าน่าจะมีเยอะนะครับ เพราะหลายท่านทำงานประจำในเวลาราชการ เราก็ไม่แตกต่างกับร้านขายยพวกนี้ใช่ไหมครับ ถ้าเราอยากให้ร้านยาเก่าที่ไม่ใช่เจ้าของเป็นเภสัชเขาเลิกขายยา เราต้องย้อนกลับมาแก้ไขปัญหาขายยานอกเวลาของร้านขายยาของเราด้วยนะครับ....นี่ก็เป็นเสียงสะท้อนจากร้านขายยารุ่นเก่าที่ไม่ใช่เภสัชกรร้านหนึ่งที่พยายามจะหาที่ยืนในสังคม ท่ามกลางกระแสต่อต้านร้านขายยาที่มีเภสัชแขวนป้าย...
1. อย่างน้อยคุณก็รู้และยอมรับความจริงว่าสิ่งที่ทำอยู่ คือ สิ่งผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม ที่นี้ก็ต้องลองถามตัวเองว่าจะแก้ไขอย่างไร
จะทำให้มันถูกต้อง หรือแค่ทำถูกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ถ้าสสจ ไม่ไปตรวจถี่ก็กลับเป็นอย่างเดิม ทำไมการทำดี
เพื่อตัวเราเอง เพื่อวิชาชีพที่เราใช้คุ้มหัวทำมาหากิน เราถึงทำให้ไม่ได้ต้องรอให้มีใครมาไล่จับไล่ตรวจ ทำไมไม่รู้จักที่จะให้เกียรติตัวเองที่จะ
ทำสิ่งดีๆ
2. ร้านเปิดก่อนกฎหมายบังคับ แล้วกฎหมายปัจจุบันบังคับแล้วหรือยัง หรือเราควรจะแก้กฎหมายเพื่อร้านเหล่านี้จะได้ไม่ผิดกฎหมาย
สามสิบปีที่เปิดมาเพียงพอแล้วหรือยัง? ไม่เคยบอกว่าร้านขายยาแขวนป้ายเลว เพราะตราบที่มีช่องที่เค้าจะทำมาหากินโดยได้กำไรมากที่สุด
เค้าก็คงจะทำแน่ๆ แต่ที่จะบอกคือ ผิดกฏหมาย และเภสัชกรที่แขวนป้ายก็ทำผิดกฎหมาย และจรรยาบรรณ ทำลายวิชาชีพตัวเองทั้งปัจจุบัน
และอนาคต และสุดท้ายคือ เห็นแก่ตัว
การที่ร้านเก่าพยายามหาที่ยืนในสังคมก็เป็นกลไกและผลสะท้อนของการต่อต้านเรื่องการแขวนป้ายอย่างจริงจังมิใช่หรือ ผลดีก็ตกอยู่กับ
ทั้งเจ้าของร้าน คนไข้ เภสัชกร และสังคม มิใช่หรือ
ที่นี้ก็ลองกลับมาถามตัวเองว่าขณะที่ร้านเก่าพยายามหาที่ยืนในสังคม ตัวเองทำอะไรได้พยายามหาที่ยืนของความเป็นเภสัชกรในสังคมหรือเล่นเก้าอี้ดนตรีให้คนอื่นมายืนแทน เวลาเสียที่ยืนเสียแค่ที่ตัวเองหรือทั้งระบบ รุ่นน้องๆ ที่กำลังจะจบออกมาในรุ่นต่อๆไป เค้าจะมีที่ยืนไหม ถ้ารุ่นพี่ให้ที่ยืน หรือสนับสนุนให้คนอื่นมายืนแทนหรือแย่งที่ไปแล้ว
มิได้ต้องการจะว่าเจ้าของคอมเม้นท์ แต่อยากให้คนอื่นๆ อ่านด้วย เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนที่แขวนป้ายก็มีความคิดเห็นไม่ต่างจากคอมเม้นท์นี้มากนัก บางคนอาจจะหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ ตรงที่ไม่แม้แต่จะยอมรับว่าตนเองทำผิดและรู้สึกว่าเป็นสิ่งพึงกระทำ