dochost เขียน:เพื่อนๆที่รัก
มีรายการหนึ่งทางช่อง 9 พิธีกรผู้ร่วมรายการ
โพล่งออกมาว่า เหมือนรพ.เป็นซ่องโจร
ฟังแล้วจี๊ด
ผมเกิดในรพ.
ทำงานรพ.มา 10+ ปี
ยังไม่เคยเห็นความเห็นสาธารณะ ที่ออกมาจากปาก ดร.
ด้วยความคะนองปากอย่างนี้มาก่อน
ฟังแล้วเศร้า
เรามัน ..เกิดในซ่องโจร ..จบจากซ่องโจร...ทำงานในซ่องโจร
เรียนเชิญเพื่อนๆสาธารณสุข แพทย์ เภสัช พยาบาล เทคนิค
ที่เห็นถึงความไม่ชอบธรรม
ในกระบอกสื่อที่ผ่านตาชาวบ้านนับล้านๆ
ให้ความเห็นตามกระทู้
http://board.thaihealth.net/showthread.php?t=321ขอบคุณครับ
thaihealth.net
(ไม่รู้จะโพสห้องไหน ฝากไว้ห้องนี้แหละ)
**
[quote author=thaihealth
Member
adminfull member]
ดร.นักกฎหมายท่านหนึ่ง (ที่นาที 42.10-43.00)
42.10
"...การที่เค้าปกปิดข้อมูลทั้งหลายก็คือ..
คือ.ผมยังคุยกับอาจารย์ อำนวยเล่นๆนะครับว่า
เนี่ยมันเหมือนเป็น ซ่องโจร เลย
ก็คือคนหนึ่งทำผิดอีกคนช่วยกันปิดนะครับ..." [/quote]
เรื่องนี้คงทำใจเป็นกลางไม่ได้
มันเป็นเหตุที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในสายตาสาธารณชน
จนแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอัตโนมัตอย่างชัดเจน
1. ฝ่ายแรกคือฝ่ายแพทย์ที่เป็นแพทย์สภา ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งนามสมมุติ และไม่ได้หมายถึงแพทย์คนหนึ่งคนที่เป็นจำเลย
ประสบการณ์ในอดีตได้สื่อแสดงให้รับรู้ว่า แพทย์สภามิได้ทำหน้าที่ควบคุมแพทย์มากไปกว่าการปกป้องแพทย์
ก็หมายความว่าภาพที่ออกสู่สังคมประชาชนได้เรียนรู้ว่า
เมื่อเกิดคดีการร้องเรียนจากประชาชนในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรักษาพยาบาล
แพทย์สภาจะออกมาปกป้องแพทย์ด้วยกันมากกว่าการควบคุมดูแลด้านจริยธรรมของแพทย์
ซึ่งเป็นเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน
จนฝังลึกในจิตใจประชาชนทั่วไปว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงจะโทษแพทย์คนหนึ่งคนใดไม่ได้
ตัวที่เป็นจำเลยที่แท้จริงคือแพทย์สภาที่เป็นองค์กรนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ที่เป็นคณะกรรมการแพทย์สภาต้องสำรวจตัวเองว่า
ระยะเวลาที่ผ่านมาประชาชนทั้งหลายตลอดจนสื่อเขารับรู้ว่า
แพทย์สภากระทำตนเป็นเช่นนั้นจริง จนถึงกับมีการกล่าวเปรียบเทียบกันในลักษณะดังกล่าว
2. ทางฝ่ายประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจึงต้องร้องเรียน ปกติแล้วประชาชนถ้าไม่แน่ใจจริงๆแล้วจะไม้เรียกร้องอะไร
นอกจากจะขอความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้น
อาวุธที่แพทย์สภามักใช้อยู่เนืองๆคือ"แพทย์ทำตามหลักวิชาการทางการแพทย์อย่างถูกต้อง"
ซึ่งคำอ้างดังกล่าวประชาชนไม่มีทางต่อสู้อะไรได้เลย เพราะไม่มีความรู้เช่นนั้น แพทย์จะกล่าวอย่างไรก็ได้
ยิ่งแพทย์สภามีกรอบแนวคิดที่กล่าวไว้แต่แรกแล้ว ประชาชนก็หมดความหวังจากการเรียกร้องใดๆ
ครั้นประชาชนจะคาดหวังด้านคุณธรรมที่พึงมีจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแพทย์ผู้รักษายิ่งไม่มีโอกาสใดๆ
มีแต่เสียงที่อ้างความชอบธรรมแล้วจากแพทย์สภาไล่หลัง
สังคมจึงมีแต่มองแพทย์ในแง่ร้ายมากเพิ่มขึ้นและเข้าข้างคนไข้ที่ได้รับความเสียหาย
ดังนั้นการต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องนี้มีแต่เพิ่มเส้นกั้นตีตัวออกห่างจากประชาชนมากขึ้นเท่านั้น
จึงเป็นหน้าที่ของมวลหมู่แพทย์ทั้งหลายที่ต้องเปลี่ยนคณะกรรมการแพทย์สภาใหม่เมื่อถึงวาระ
โดยเลือกแพทย์คณะที่ชูประเด็นจะเข้าข้างประชาชนมาหาเสียง