ศาสตราจารย์นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในปี2560 โดยรวมสามารถป้องกันได้เพียง 42 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อมูลของสำนักงานควบคุมป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา เมื่อจำแนกตามสายพันธุ์แล้ว พบว่า...
•ไข้หวัดใหญ่ เอ สายพันธุ์ H3N2 มีประสิทธิภาพต่ำสุด ป้องกันโรคได้เพียง 34 เปอร์เซ็นต์
•ไข้หวัดใหญ่ เอ สายพันธุ์ H1N1 2009 มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ได้ 54 เปอร์เซ็นต์
•ไข้หวัดใหญ่ บี สามารถป้องกันโรคได้ร้อยละ 55-60
แต่ในปีนี้ประเทศไทย การระบาดของไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็น ไข้หวัดใหญ่ เอ H3N2 ดังนั้น ประสิทธิภาพของ ว้คซีนจึงไม่ดีเท่าที่ควร ประสิทธิภาพที่ต่ำ ก็คงไม่ต้องโทษ แพทย์ หรือโรงพยาบาล ของประเทศไทย ถ้าฉีดแล้วยังเป็นไข้หวัดใหญ่ ถ้าโทษต้องโทษ องค์การอนามัยโลก และ บริษัทวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่คาดคะเนสายพันธุ์ไวรัส ไม่ตรงกับการระบาดของโรค อีกทั้งไวรัส ที่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เร็วไปหน่อย