“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่ง
โพสต์แล้ว: 04 เม.ย. 2018, 07:43
“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่งแก้ปัญหาหมอกควัน
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และ pm10 โดยจะเห็นว่าค่า pm 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมีค่าที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน และในทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. จะมีผู้ป่วย 5 คน เท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สิ่งนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และต้องรีบเตือนประชาชนให้มีความระมัดระวังมากขึ้น และเป็นภัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้านปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และปอดติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การมีเครื่องมือตรวจวัด pm 2.5 ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่จะได้นำมาเปรียบเทียบกับค่า pm 10 ที่เป็นค่ามาตรฐานตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ทั้งนี้ การวัดค่า pm 2.5 ก็ไม่ได้ยืนยันว่า หากวัดค่าฝุ่นละอองมาแล้วจะช่วยแก้ปัญหาหมอกควันได้ แต่สิ่งที่จะแก้ไขได้คือจิตสำนึกและความร่วมแรงร่วมใจกัน ในการป้องกันที่ต้นเหตุ เพราะการวัดค่าฝุ่นละอองเป็นการทำที่ปลายเหตุ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันไม่เผา ก็คงจะเหลือเพียงหมอกควันที่ข้ามแดนเข้ามา ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากเพราะไม่มีใครแก้ไขได้ แต่ทั้งนี้ต้องหยุดการเผาให้ได้เสียก่อน และจังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกินมาตรฐานเพียงจังหวัดเดียว หากจะใช้การวัด pm 2.5 มาวัด ก็ต้องวัดทุกจังหวัด ไม่ควรวัดจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่ควรทำให้เป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน และล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศให้มีการนำค่าการวัดฝุ่นละออง pm2.5 มารายงานให้กับประชาชนได้รับทราบตามที่ประชาชนต้องการด้วย
“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่งแก้ปัญหาหมอกควัน
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และ pm10 โดยจะเห็นว่าค่า pm 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมีค่าที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน และในทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. จะมีผู้ป่วย 5 คน เท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สิ่งนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และต้องรีบเตือนประชาชนให้มีความระมัดระวังมากขึ้น และเป็นภัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้านปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และปอดติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
http://www.newtv.co.th/news/13839
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และ pm10 โดยจะเห็นว่าค่า pm 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมีค่าที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน และในทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. จะมีผู้ป่วย 5 คน เท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สิ่งนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และต้องรีบเตือนประชาชนให้มีความระมัดระวังมากขึ้น และเป็นภัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้านปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และปอดติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การมีเครื่องมือตรวจวัด pm 2.5 ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่จะได้นำมาเปรียบเทียบกับค่า pm 10 ที่เป็นค่ามาตรฐานตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ทั้งนี้ การวัดค่า pm 2.5 ก็ไม่ได้ยืนยันว่า หากวัดค่าฝุ่นละอองมาแล้วจะช่วยแก้ปัญหาหมอกควันได้ แต่สิ่งที่จะแก้ไขได้คือจิตสำนึกและความร่วมแรงร่วมใจกัน ในการป้องกันที่ต้นเหตุ เพราะการวัดค่าฝุ่นละอองเป็นการทำที่ปลายเหตุ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันไม่เผา ก็คงจะเหลือเพียงหมอกควันที่ข้ามแดนเข้ามา ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากเพราะไม่มีใครแก้ไขได้ แต่ทั้งนี้ต้องหยุดการเผาให้ได้เสียก่อน และจังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกินมาตรฐานเพียงจังหวัดเดียว หากจะใช้การวัด pm 2.5 มาวัด ก็ต้องวัดทุกจังหวัด ไม่ควรวัดจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่ควรทำให้เป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน และล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศให้มีการนำค่าการวัดฝุ่นละออง pm2.5 มารายงานให้กับประชาชนได้รับทราบตามที่ประชาชนต้องการด้วย
“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่งแก้ปัญหาหมอกควัน
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และ pm10 โดยจะเห็นว่าค่า pm 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมีค่าที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน และในทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. จะมีผู้ป่วย 5 คน เท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สิ่งนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และต้องรีบเตือนประชาชนให้มีความระมัดระวังมากขึ้น และเป็นภัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้านปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และปอดติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
http://www.newtv.co.th/news/13839