#ใครให้หลบ pm2.5 เข้าอยู่ในบ้าน ... ฝุ่นพิษจิ๋วรออยู่ในบ้านและอาคารแล้ว #พร้อมให้สูดเข้าสะสมในปอด
ศ. นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ได้เล่าขานงานวิจัย เรื่อง “ต้องเริ่มในสิ่งใกล้ตัวเพื่อ #แก้ปัญหาเร่งด้วนเพื่อให้ภายในอาคารที่ทำงาน #มีคุณภาพอากาศที่ดีกว่าภายนอกอาคาร"
เปรียบเทียบสภาพอากาศภายนอกและภายในอาคารแบบ real-time #เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในที่ทำงาน โดยการทดลองพบว่าหากในอาคารเปิดประตูหน้าต่างตามปกติจะมีปริมาณฝุ่นควัน PM2.5 เท่ากับภายนอกอาคาร
ส่วนวิธีการปฏิบัติเมื่ออยู่ในบ้านหรืออาคารนั้น ทางสถาบันฯได้ทำการทดลองโดยได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดปริมาณ PM2.5 โดยได้รับความเอื้อเฟื้อจากรศ. พิศิษฐ์ สิงห์ใจ คณะวิทยาศาสตร์ ให้สามารถทำเปรียบเทียบสภาพอากาศภายนอกและภายในอาคารแบบ real-time เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในที่ทำงาน โดยการทดลองพบว่าหากในอาคารเปิดประตูหน้าต่างตามปกติจะมีปริมาณฝุ่นควัน PM2.5 เท่ากับภายนอกอาคาร ทางสถาบันฯ จึงได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในสถาบันฯ ดังนี้
1.#ออกมาตรการระยะสั้นให้บุคลากรปิดประตูหน้าต่างทุกบานให้สนิทตลอดเวลา เพื่อไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาภายในตัวอาคารสถาบันฯ
2.#สำรวจช่องระบายอากาศและขอบประตูหน้าต่างว่ามีช่องให้อากาศภายนอกรั่วไหลเข้ามาได้หรือไม่ ถ้าสามารถปิดหรือซีลได้ให้ดำเนินการทันที
3.#บริหารจัดการเรื่องการเปิดปิดประตูเข้าออกให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประตูใดที่มีการใช้งานน้อยให้ปิดไว้ชั่วคราวจนกว่าคุณภาพอากาศในตัวอาคารจะดีขึ้น
4.ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศชนิดที่มีแผ่นกรอง HEPA ตามจุดต่าง ๆ ในบริเวณส่วนกลางของอาคารให้ครบทุกชั้น
#ผลการดำเนินการดังกล่าวทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงจนแทบไม่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กในอาคาร ดังนั้นหากนำวิธีการนี้ไปปรับใช้ที่บ้านโดยอาจจะเลือกทำห้องใดห้องหนึ่งหรือหลายห้องที่สมาชิกในบ้านใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลานานให้เป็น Clean Area เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน โดยปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด #ติดเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดที่เหมาะสมกับขนาดห้อง #ด้วยวิธีนี้จะทำให้สมาชิกในบ้านปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศได้
https://www.rihes.cmu.ac.th/news/9529