API เขียน:ผมไม่เห็นว่าการไม่ใช้โปรแกรมตัวนี้มันจะทำให้ผมไม่เป็นมืออาชีพแต่อย่างไร....
ความเป็นมืออาชีพมันต้องคอยเปิดหาเอาจากโปรแกรมหรือ ผมว่าเภสัชกรที่จะจ่ายยาแล้วมาหาวิธีจ่ายยาจากโปรแกรมนี้ไม่ใช่มืออาชีพนะ เหมือนนักศึกษามาขายของมากกว่า เว้นแต่จะเอามาให้คนไข้กดเล่นๆมากกว่า....
ขอโทษที่คิดต่างนะครับ
ฮ่าๆๆโทษทีครับสงสัยผมจะทำให้พี่อารมณ์เสียซะแล้ว ..ผมไม่ได้หมายความ อย่างงั้นนะครับ และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ ทุกคนคิดว่าการ
ใช้โปรแกรมวินิจฉัยโรคจะทำลาย ความเป็นเภสัชกร
ผมหมายความว่าถ้าเราอยากเป็นมิืออาชีพแล้วทำไมเราไม่หาpartner ที่เป็นมืออาชีพ งานของเราที่ออกมาจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดครับ
ไงครับ ผมเลยเปรียบเทียบว่า เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เราใช้กับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่รึเปล่า ถ้าใช่ ทำไมเราไม่เอาเงินที่ไม่ก่อให้เกิดราย
ได้ มาลงทุน คำถามคือ เราจะเอาเงินลงทุนที่ใหนดี
ก็แล้วแต่ เพราะนั่นคือเงินที่ได้จาก น้ำพักน้ำแรงของแต่ละ คน ...แต่สำหรับผม ยังไงซะเราก็มีการลงทุนเรื่องโปรแกรม มาควบคุม
ร้านยา นักศึกษาฝึกงาน ผู้ช่วยเภสัช อยู่แล้ว (ยังไงก็ต้องจ่าย) เราก็น่าจะเลือกโปรแกรมที่นักพัฒนาเค้าตั้งใจทำให้เป็นการเฉพาะทาง
เพราะอะไรที่เฉพาะทางย่อมลงรายละเอียดได้มาก ดังน้ันงานที่ออกมา สำหรับผมแล้ว ความเป็นมืออาชีพย่อมไม่ไกล ....ประมาณนี้อะครับพี่
คงพอเข้าใจความคิดกันนะครับ ไม่ได้จะมาดูหมิ่นวิชาชีพใคร แล้วก็ ผมก็เป็นเภสัชครับ เข้าใจว่ากว่าจะจบเหนื่อยแค่ใหน การที่มี
โปรแกรมมาทำให้สิ่งที่เราเรียนมาอย่างยากลำบาก กลายเป็นเรื่องง่าย ย่อมไม่ใช่ที่ถูกใจ แต่ผมกลับมองว่า เมื่อเรามีองค์กร สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรคือบุคคลากร แต่เราจะสร้างบุคคลากรให้ช่วยงานเภสัชฯให้ได้ดีที่สุดในระยะเวลาสั้นที่สุดได้อย่างไร คำตอบคือการใช้เทคโนโลยี ครับผมกำลังสื่อว่า ถ้าเราสามารถประยุกใช้เทคฯ เหล่้านี้ในองคฺ์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ได้ยึดติดว่าจะทำให้ศักศรีเราลดลงหรืออะไร องค์กรเราก็น่าจะก่าวหน้าไปอย่างรวดเร็วแซงหน้าคู่แข่งที่เข้ามาใหม่อยู่ตลอดเวลาได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ในเงินลงทุนที่น้อยที่สุด