อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้
http://www.matichon.co.th/matichon/mati ... ionid=0102
สัญญาณอันตรายสื่อ
บทนำมติชน
เหตุการณ์ที่เกิดกับคลื่นเอฟเอ็ม 105 วิสดอม เรดิโอ ซึ่งเป็นคลื่นในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ มีบริษัทเอกชนเช่าคลื่นดำเนินรายการ โดยผู้จัดรายการคนหนึ่งถูก "ปากที่มองไม่เห็น" โทรศัพท์มาถึงผู้บริหารของบริษัทขอไม่ให้ผู้จัดรายการคนดังกล่าวดำเนินรายการต่อไป เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะหากขัดขืน หรือมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง แทนที่จะเสียส่วนน้อยเพียงคนเดียว อาจทำให้ส่วนใหญ่คือบริษัทที่ได้เช่าคลื่นต้องมีปัญหา แม้จะจับมือใครไม่ได้ว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะเดียวกันก็ไม่มีองค์กรใดตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อประกาศต่อสาธารณชนว่าได้เกิดอะไรขึ้น แต่รัฐบาล "สมัคร 1" ก็ยากที่จะแก้ตัวว่าไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเสรีภาพของสื่อมวลชน
สื่อของรัฐกำลังเริ่มต้นถูกจัดระเบียบจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหนหรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธว่าไม่จริงก็คงไม่มีใครเชื่อ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นความเข้าใจผิดของรัฐบาลที่คิดว่า รัฐบาลเป็นเจ้าของสื่อ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง สื่อที่หน่วยงานรัฐดำเนินการนั้น ใช้คลื่นความถี่วิทยุและคลื่นความถี่โทรทัศน์ซึ่งเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ คำว่า ชาติไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐ หลักนี้ปรากฏชัดแจ้งทั้งในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ผู้มีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์คือองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ เมื่อองค์กรนี้ยังไม่เกิดก็ชอบที่คณะรัฐมนตรี "สมัคร 1" และรัฐสภาจะต้องรีบเร่งแก้ไขกฎหมายและผ่านกฎหมายออกมามีผลบังคับใช้โดยเร็วเพื่อให้สื่อของรัฐทั้งวิทยุและโทรทัศน์เป็นสื่อที่ใช้คลื่นความถี่ไปเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยเร็ว.................
.........................
ต่างเรื่อง แต่ไม่ต่างแนวคิดกับกรณีการออกข้อบังคับของสภาฯในปัจจุบัน
นอกจากนั้นแล้วก็ยังพูดแบบเดียวกันเป๊ะเรื่อง มีอะไรก็จะรับผิดชอบ...........
หากพูดทำนองว่าสภาฯได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นองค์กรตัวแทนตามกฎหมาย
การตีความตามกฎหมายแบบนี้คงไม่ผิดเพี้ยนเท่าไร
แต่มันผิดเพี้ยนจากสามัญสำนึกของคนที่คิดเป็น
มันสะท้อนให้เห็นถึงการหาคำอธิบายอะไรไม่ได้อีกแล้ว
มันสะท้อนถึงการเอาสีข้างเข้าถู
เพราะอะไร...
ก็เพราะมีความจริงเป็นเหตุผลเบื้องหลังที่บอกไม่ได้
เหตุผลที่ประกาศต่อสาธารณชนถูกซักถามจนตอบไม่ได้แล้ว เพราะก็ตระหนักอยู่แก่ใจว่าเป็นเหตุผลที่มาตามหลังการตัดสินใจว่าต้องการอะไรไปเรียบร้อยแล้ว
วิชาชีพไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
วิชาชีพไม่ใช่ของผู้ประกอบวิชาชีพเพียงอย่างเดียว
ผู้ประกอบวิชาชีพก็ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง
แล้วใครคือเจ้าของที่แท้จริง...........
ก็ต้องถามว่า ใครเป็นผู้ยอมรับให้มีวิชาชีพล่ะ
ใครมอบความไว้วางใจให้คนกลุ่มหนึ่งมาเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
ใครมอบความไว้วางใจให้เภสัชกรมาดูแลเค้า
คนคนนั้นล่ะค่ะ ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง
นึกออกแล้วใช่ป่าว
ก็...ประชาชนไงคะ (จอ บอ....จบแล๋ว)