New Document









เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย coolturtle » 06 มิ.ย. 2008, 08:07

น่าแปลกใจไหมคะ  ที่มีคนจำนวนหนึ่ง...ที่..นอกจากตัวเองจะไม่เคยแม้แต่จะคิด..ที่จะทำอะไรเพื่อส่วนรวมแล้ว
ยังกลับมองเห็นว่า..การกระทำนั้นๆเป็นเรื่องงี่เง่า น่ารำคาญ ทำให้เขาสูญเสียความสงบสุขที่เขาประสงค์
.....ดูแต่การชุมนุมประท้วงเพื่อรักษาชาติเป็นตัวอย่าง....ใครจะไม่อยากนอนสบายอยู่กับบ้าน
ไปนั่งตากแดดตากฝนกันทำไม...นอกจากจะไม่รู้สึกว่าเขาเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อผู้อื่นแล้ว ยังรู้สึกว่า ทำให้ประเทศวุ่นวาย...
ปัญหาในแวดวงวิชาชีพขณะนี้ก็เช่นกัน...แม้คนเป็นอาจารย์....ก็ยังมีบางคนรู้สึกว่า.......การเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้วิชาชีพแตกแยก.....เรื่องหาแหล่งฝึกไม่ได้สำหรับสาย Pharm Science เขาก็คิดแค่ว่า...เอามาช่วยอาจารย์ทำงานวิจัย...ยิ่งอยากได้คนมาช่วยงานอยู่แล้ว
coolturtle
 
โพสต์: 58
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 16:44







Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย med_pharm » 06 มิ.ย. 2008, 20:36

วันนี้ผมคิดถึงประวัติศาสตร์เภสัชกรไทย  ที่เคยอ่าน

สมัยก่อนเริ่มแรกที่มีการสร้างหลักสูตรแพทย์ปรุงยา  ก็มีเพียงความคิดที่ว่าต่อไปแพทย์จะปรุงยาไม่ได้

จนทำให้นักเรียนแพทย์ปรุงยาคนแรก  เปลี่ยนใจจากการเรียนแพทย์เป็นเรียนแพทย์ปรุงยา

แต่สุดท้ายจบมา  กลับหางานทำไม่ได้  จนแพทย์ปรุงยาคนที่สองไปได้งานที่ศาลาแยกธาตุ (คือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบัน)  ส่วนแพทย์ปรุงยาคนแรกถ้าจำไม่ผิด  มีโรงงานของตัวเอง  เลยสบายหน่อย

วิชาชีพเภสัชกรรมระหกระเหินมาเรื่อย  จนกระทั่งต่อมามีการแก้ไขกฎหมาย  ให้เภสัชกรเข้าไปรับผิดชอบเกี่ยวกับยา

ประวัติศาสตร์มันสอนอะไรไว้บ้างครับ  นอกจากให้เรารับรู้ว่า  วิชาชีพเภสัชกรรมต้องต่อสู้มาตลอด

ในอีกแง่มุมหนึ่ง  คือการคิดแบบแยกส่วน  โดยคิดว่าผลิตแพทย์ปรุงยาแล้วจะทำให้แพทย์ปรุงยาไม่ได้  ไม่ได้เป็นจริง

การคิดแบบไม่ได้แก้ปัญหาล่วงหน้า  สร้างความยากลำบากให้แก่แพทย์ปรุงยา และเภสัชกร  เสมอมา

ดังที่  อ.ภาวิช  ก็พูดเองว่า  เรามีแนวโน้มที่จะตามแก้ปัญหา  มากกว่าที่จะวางแผนไม่ให้เกิดปัญหา  (กรณีแขวนป้ายเป็นกรณีชัดเจน)

แต่การออกประกาศฯของสภาฯ  ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  ต่อไป  ประวัติศาสตร์  (นัก)เภสัชกรที่จบหลักสูตร 6 ปี  จะพบกับการวิ่งหางานทำ  เหมือนในอดีตหรือไม่

ตอนนี้ "ศาลาแยกธาตุ"  ก็ไม่มีแล้ว  อาจต้องไปหางานแถวๆ  "ศาลาทรงเจ้า"  หรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
med_pharm
 
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2006, 19:34

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย zartingtong » 06 มิ.ย. 2008, 20:47

ต่อไปคนปรุงยาก็ไม่ใช่เภสัชกร

ต่อไปนักเภสัชกรก็ไม่ต้องปรุงยา

แบบอเมริกัน

:lol: :lol: :lol:

ที่ว่าพูดไปมากแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปพูดกับคนปรุงยา หรือนักเภสัชกรที่ไหนถึงห้ามคณบดีพูด
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 11 มิ.ย. 2008, 21:48

med_pharm เขียน:

ในอีกแง่มุมหนึ่ง  คือการคิดแบบแยกส่วน  โดยคิดว่าผลิตแพทย์ปรุงยาแล้วจะทำให้แพทย์ปรุงยาไม่ได้  ไม่ได้เป็นจริง

การคิดแบบไม่ได้แก้ปัญหาล่วงหน้า  สร้างความยากลำบากให้แก่แพทย์ปรุงยา และเภสัชกร  เสมอมา

ดังที่  อ.ภาวิช  ก็พูดเองว่า  เรามีแนวโน้มที่จะตามแก้ปัญหา  มากกว่าที่จะวางแผนไม่ให้เกิดปัญหา  (กรณีแขวนป้ายเป็นกรณีชัดเจน)

แต่การออกประกาศฯของสภาฯ  ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  ต่อไป  ประวัติศาสตร์  (นัก)เภสัชกรที่จบหลักสูตร 6 ปี  จะพบกับการวิ่งหางานทำ  เหมือนในอดีตหรือไม่

ตอนนี้ "ศาลาแยกธาตุ"  ก็ไม่มีแล้ว  อาจต้องไปหางานแถวๆ  "ศาลาทรงเจ้า"  หรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ


สิ่งที่อาจารย์ภาวิชพูดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ อาจารย์พูดว่าวิชาชีพไม่ใช่ของผมคนเดียว


อยากจะเรียนอาจารย์ภาวิชและกรรมการสภาเภสัชกรรมทุกท่านผ่านตรงนี้ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถึงไหม)

ขอความกรุณาทบทวนการออกข้อบังคับนี้ใหม่เถอะค่ะ มันมีวิธีการที่พัฒนาวิชาชีพไปพร้อมๆกันได้ในทุกสาขา โดยไม่ต้องห่วงว่าถ้าไม่โฟกัสเฉพาะจุดแล้วจะไม่ได้ผล แล้วที่สำคัญไม่ทำให้สูญเสียทรัพยากรของประเทศโดยไม่จำเป็นด้วยค่ะ

พวกเราจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องเปิดใจแล้วก็เปิดเวทีค่ะ มันต้องมีเวทีค่ะ เอาข้อมูลมาคุยกันเลยค่ะ คุยกันเองไม่ได้ เพราะต่างคนต่างติดในวังวนของตัวเอง ก็หาคนมาช่วยคุยค่ะ

โปรดฟังอีกครั้ง ต้องมีเวทีค่ะ
:lol: :lol: :singer: :gossip:
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย coolturtle » 12 มิ.ย. 2008, 16:39

พวกเราร้องหาเวทีมานานๆๆๆๆมากแล้ว
พอทำท่าจะตั้งเวทีได้ ฉับพลันก็ถูกรื้อถอน..แบบตั้งตัวไม่ทัน
นึกถึงข่าวที่มาเฟียจ้างคนมารื้อทุบข้าวของคนตามตลาดนัด
ช่วยบอกด้วยค่ะ
ยังมีโอกาสให้มีเวทีที่ไหนอีกไหมคะ ที่จะไม่โดนมาเฟียรื้อถอน
.......................แล้วจะทันไหมคะ
coolturtle
 
โพสต์: 58
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 16:44

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 12 มิ.ย. 2008, 23:13

coolturtle เขียน:พวกเราร้องหาเวทีมานานๆๆๆๆมากแล้ว
พอทำท่าจะตั้งเวทีได้ ฉับพลันก็ถูกรื้อถอน..แบบตั้งตัวไม่ทัน
นึกถึงข่าวที่มาเฟียจ้างคนมารื้อทุบข้าวของคนตามตลาดนัด
ช่วยบอกด้วยค่ะ
ยังมีโอกาสให้มีเวทีที่ไหนอีกไหมคะ ที่จะไม่โดนมาเฟียรื้อถอน
.......................แล้วจะทันไหมคะ


อาจไม่ทันในแง่ที่ข้อบังคับนี้ถูกประกาศใช้ไปแล้ว

แต่ยังทัน....ในแง่ที่จะสร้างและทำอะไรดีๆก่อนที่จะสายเกินไป

งง..หรือเปล่าคะ  :lol: :lol:

หมายถึงว่า

ถึงแม้ข้อบังคับนี้จะประกาศใช้แล้ว
แต่ในทางปฏิบัติ ยังอยู่ในระดับทำหลักสูตรกัน ยังไม่ถึงขั้นยกเลิกของเก่าแล้วกลายเป็นของใหม่ทั้งหมด

ยังทันค่ะ ถ้าจะคิดจริงๆ

ปัญหาคือ สภาฯไม่คิดกะเรา..ก็เท่านั้น เฮ้อ...ปวดหมอง กะ ปวดใจ
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 12 มิ.ย. 2008, 23:24

"ทางสองแพร่ง"การเมืองไทย

โดย นงนุช สิงหเดชะ

(ยาวหน่อย แต่มีแง่คิดค่ะ ลองอ่านดูนะคะ แล้วเทียบกับสถานการณ์ในวิชาชีพเราขณะนี้)

http://www.matichon.co.th/matichon/mati ... ionid=0130

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11051


การชุมนุมบนถนนราชดำเนินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศยืนยันว่าจะเป็นการ "รบครั้งสุดท้าย" ที่มีเดิมพันว่าต้องชนะ หากไม่ชนะก็ต้องยกแผ่นดินให้กับ "ทักษิณ" และพวกไป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนหลายอย่าง

ความท้าทายนั้นก็คือว่าฝ่ายพันธมิตรจะสามารถแสดงเหตุผลเพื่อโน้มน้าวผู้คนมาเป็นแนวร่วมได้มากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ โดยชี้ให้เห็นว่าการชุมนุมเป็นภารกิจสำคัญของพลเมืองต่อบ้านเมือง ไม่ใช่การสร้างความวุ่นวาย

ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าในขณะนี้ซีกของรัฐบาลหรืออีกนัยหนึ่งกลุ่มผู้สนับสนุนคุณทักษิณ ได้พยายามช่วงชิงความได้เปรียบในแง่การใช้สื่อของรัฐ กระจายข่าวเพื่อตอกย้ำให้คนเห็นว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่ น้ำมันและข้าวปลาอาหารแพง เช่นนี้ฝ่ายผู้ชุมนุมเป็นผู้ซ้ำเติมความเดือดร้อน ทั้งในแง่การจราจรที่มีการปิดทางสัญจรปกติทำให้ผู้คนละแวกนั้น ทั้งโรงเรียน ร้านค้า ได้รับผลกระทบ และทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนในไทย

นอกจากนี้ฝ่ายผู้ชุมนุมยังต้องเผชิญกับความคิดเห็นของผู้คน (แม้ในกลุ่มผู้มีการศึกษาบางส่วน) ที่มีทัศนคติแตกต่างออกไปเกี่ยวกับการชุมนุม ฝ่ายหนึ่งมองแค่ว่าการชุมนุมสร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ไม่มีความจำเป็นต้องชุมนุม นอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่า รัฐบาลจะทำอะไรก็ทำไป

อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าคุ้มค่าที่จะชุมนุม เพราะทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้รัฐบาลลูกกรอกทำอะไรตามใจชอบ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือคนบางคนไม่ให้ถูกนำขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น จะมานั่งดูดาย เห็นว่าธุระไม่ใช่ไม่ได้ จะต้องลุกขึ้นมาทักท้วงขัดขวางความไม่ถูกต้อง

ความคิดเห็นของฝ่ายแรกที่เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องชุมนุมนั้น ไม่คิดว่าในขณะนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องโครงสร้างที่ฝังรากลึก นั่นก็คือปัญหาทางการเมืองที่ไม่พัฒนา ยังมีการซื้อเสียง ใช้อำนาจข้างมากในสภาเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามาแล้วก็กลายร่างเป็นเผด็จการรัฐสภา ส่งผลให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลปกติในระบบรัฐสภาหรือในระบบการเมืองของตัวมันเองไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คนเหล่านี้ยังคิดเพียงว่าการประท้วง การชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นแค่การ "ทะเลาะ" กันของคนเพียงไม่กี่คน เป็นการทะเลาะกันของฝ่ายทุนสามานย์กับฝ่ายศักดินา

ฝ่ายที่คิดว่าการชุมนุมสร้างความวุ่นวาย ก็อาจเปรียบได้กับชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ที่ถูกจำกัดเสรีภาพทางการเมืองและการแสดงความคิดเห็นมายาวนานกว่า 40 ปี เพราะถูกรัฐบาลปลูกฝังและโฆษณาชวนเชื่อเช่นนั้นมาโดยตลอด เชื่อว่าเพียงแค่อยู่ดีกินดี มีเงินใช้ก็เพียงพอแล้ว เรื่องเสรีภาพทางการเมืองจึงไม่จำเป็น

รัฐบาลสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการปลูกฝังเรื่องนี้แก่ประชาชนก็เพราะว่ารัฐบาลของเขามีจุดเด่นตรงที่ไม่โกงกิน และทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดี (แม้จะถูกนินทาว่าโปร่งใสเฉพาะกับบ้านเมืองของตัวเอง แต่ขุ่นเมื่อไปลงทุนนอกประเทศก็ตาม) แต่ของไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่างที่เห็นกันอยู่

ฝ่ายกุมอำนาจในปัจจุบันของไทยพยายามตอกย้ำเพื่อลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายผู้ชุมนุมว่าต้องการล่อรถถังออกมาให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายกุมอำนาจรัฐฉวยโอกาสนี้ยกตนข่มท่านว่าเป็นพวกรักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ และถือโอกาสป้ายสีให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าสนับสนุนการรัฐประหาร

การที่ฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นำเรื่องรัฐประหารมาตอกย้ำป้ายสีผู้ชุมนุม ก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญที่กำลังถูกผู้ชุมนุมไล่บี้อยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มกระดานคดีที่อดีตนายกฯถูกกล่าวหา นอกจากนี้ฝ่ายกุมอำนาจรัฐทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พฤติกรรมอันน่าเกลียดของตัวเอง เห็นได้จากการไล่เช็คบิลฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯ

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้อธิบดีคนใหม่ ดูเหมือนว่าจะขยันขันแข็งในการไล่บี้จะเอาผิดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน แต่ดูเหมือนจะเอื่อยเฉื่อยในการเดินหน้าคดีปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นของเอสซี แอสเสทฯ ที่คุณสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีคนเก่าได้ทำเอาไว้ ข้างฝ่ายตำรวจก็รับลูกรัฐบาลเหลือเกิน เพราะแค่เรื่องคุณสุนัย มโนมัยอุดม ที่ตอนนี้ถูกเด้งไปเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตำรวจก็เอาเป็นเอาตายไล่จับแบบไม่ให้เกียรติ ในคดีที่ถูกฝ่ายคุณทักษิณกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทกรณีแถลงข่าวคดีเอสซี แอสเสทฯ

แต่ทำไมอดีตรัฐมนตรีที่ถูกตำรวจกล่าวหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทางตำรวจจึงให้เวลามากมาย ไม่เห็นเร่งร้อนจับเลย ทั้งที่คนไทยจำนวนมากสะเทือนใจต่อเรื่องนี้ ทางตำรวจอ้างว่าเป็นถึงรัฐมนตรีจึงต้องให้เกียรติ แต่ทำไมกับคุณสุนัยซึ่งก็มีเกียรติและความน่าเชื่อถือเหมือนกันเพราะเคยเป็นถึงผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ทำไมทางตำรวจจึงไม่ให้เกียรติ

นายตำรวจใหญ่คนหนึ่งประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปแจ้งความดำเนินคดีนายทหารคนหนึ่ง กล่าวหาว่าออกมาพูดจาในทำนองสนับสนุนการรัฐประหาร แต่ไม่ยอมแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรัฐมนตรีที่ใช้ถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ภาพเหล่านี้ตอกย้ำตั้งข้อสังเกตของหลายฝ่ายว่าในขณะนี้ "รัฐตำรวจ" คืนชีพเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาลอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองไปสู่จุดอับและตีบตันหนักยิ่งขึ้น

ศึกครั้งนี้น่าจับตาผลลัพธ์เป็นอย่างยิ่งว่า คนไทยส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับเหตุผลของฝ่ายผู้ชุมนุมว่าทุกคนต้องเป็นธุระในการทำบ้านเมืองให้ดีขึ้น ด้วยการแสดงพลังกดดันนักการเมืองเลว หรือว่าสุดท้ายแล้วคนไทยส่วนใหญ่อยากนอนอยู่กับบ้านเพราะเห็นว่าการชุมนุมเป็นแค่เรื่องของการสร้างความวุ่นวาย
แก้ไขล่าสุดโดย wannee เมื่อ 12 มิ.ย. 2008, 23:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย coolturtle » 16 มิ.ย. 2008, 08:02

สมาชิกสภาเภสัชกรรมทุกท่านคะ
ศาลปกครองเป็นทางเลือกที่เหลือเพียงทางเดียว ที่จะให้คนกลางมาช่วยเราพิจารณา
ว่าสภาฯทำถูก หรือ สมาชิกส่วนใหญ่คิดถูก
[color=red]อย่านิ่งดูดาย[color=green]อย่าคิดว่าก็เห็นมีคนทำอยู่แล้ว
[color=blue]ช่วยๆกันเถอะค่ะ ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อประเทศชาติที่เราอาศัยเกิด เพื่ออนาคตของเยาวชน เพื่อผู้ปกครองเด็กที่จะไม่ต้องจ่ายเพิ่มอย่างไม่สมเหตุสมผล สำหรับคนยากจนแล้ว เวลาแต่ละปีที่คอยให้ลูกเรียนจบ เพื่อจะได้ปลดเปลื้องภาระทางการเงิน เพื่อจะได้ช่วยหารายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส หาก 4 ปี ก็หางานได้ 5 ปี ก็ทำงานได้ ปีที่ 6 ของการฝึกงาน ให้โอกาสเขาออกไปฝึกกับแหล่งงาน ได้ทั้งเงิน แล้วไม่ต้องเสียเงิน จะได้ไหม สำหรับคนที่กู้หนี้ยืมสินมาให้ลูกเรียน เวลาฝึกงานในมหาวิทยาลัยโดยมีแต่ค่าใช้จ่าย หนักหนานัก ยังไม่นับผลกระทบอื่นๆทางวิชาชีพ
ข้ออ้างที่ว่า...เภสัช หา identity ไม่ได้....การฝึกงานอีก 1 ปีทั้งหมด ไม่ใช่คำตอบ
identity ของเภสัช ก็ คือ โอกาสงานอันหลากหลาย รายได้ค่อนข้างงาม เมื่อเทียบกับวิชาชีพอื่น และหากแต่ละสาขาอาชีพ จะเพิ่มจุดเด่น ต่อยอด ก็ยิ่งเป็นความสมควร เช่น เภสัชโรงพยาบาล สร้างจุดแข็งให้ health team รู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ เภสัชภาคการศึกษาค้นคว้าวิจัยให้โดดเด่น ความจริงเภสัชโรงงานน่ะ มี identity มาก่อนด้วยซ้ำ เพราะกฏหมายของไทยช่วยสนับสนุน แต่การบังคับ 6 ปี เภสัชโรงงานจะได้อะไร????? นอกจากหาแหล่งฝึกให้ไม่ได้แล้ว อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ล้วนจ้องจะจับไปช่วยทำงานวิจัย ช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยเพิ่มขึ้น 1 ปี เพื่อจะได้เพียงปริญญาตรี เป็นธรรมกับเด็กหรือไม่.......
[color=red]โปรดอย่าดูดายเลยค่ะ[color=blue] ทุกเสียงของท่านมีความหมาย เห็นทนายความที่โพสข้อความอยู่ข้างบน บอกว่า[color=red]ไม่เห็นมีใครร้องเข้ามาเลย[color=blue] เราต่างกำลังคิดว่าเรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่ของคนอื่น......โปรดเสียสละด้วยค่ะ....โปรดแสดงความรู้สึกว่าท่าน ไม่เห็นด้วยกับสภาฯ
[/color][/color][/color][/color][/color][/color][/color]
จำนวนเสียงมีผลทางจิตวิทยามากค่ะ โปรดช่วยกันคนละไม้คนละมือ โปรดเสียสละ
coolturtle
 
โพสต์: 58
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 16:44

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 16 มิ.ย. 2008, 11:49

coolturtle เขียน:สมาชิกสภาเภสัชกรรมทุกท่านคะ
ศาลปกครองเป็นทางเลือกที่เหลือเพียงทางเดียว ที่จะให้คนกลางมาช่วยเราพิจารณา
ว่าสภาฯทำถูก หรือ สมาชิกส่วนใหญ่คิดถูก
[color=red]อย่านิ่งดูดาย[color=green]อย่าคิดว่าก็เห็นมีคนทำอยู่แล้ว
[color=blue]ช่วยๆกันเถอะค่ะ ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อประเทศชาติที่เราอาศัยเกิด เพื่ออนาคตของเยาวชน เพื่อผู้ปกครองเด็กที่จะไม่ต้องจ่ายเพิ่มอย่างไม่สมเหตุสมผล สำหรับคนยากจนแล้ว เวลาแต่ละปีที่คอยให้ลูกเรียนจบ เพื่อจะได้ปลดเปลื้องภาระทางการเงิน เพื่อจะได้ช่วยหารายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส หาก 4 ปี ก็หางานได้ 5 ปี ก็ทำงานได้ ปีที่ 6 ของการฝึกงาน ให้โอกาสเขาออกไปฝึกกับแหล่งงาน ได้ทั้งเงิน แล้วไม่ต้องเสียเงิน จะได้ไหม สำหรับคนที่กู้หนี้ยืมสินมาให้ลูกเรียน เวลาฝึกงานในมหาวิทยาลัยโดยมีแต่ค่าใช้จ่าย หนักหนานัก ยังไม่นับผลกระทบอื่นๆทางวิชาชีพ

[color=red]โปรดอย่าดูดายเลยค่ะ[color=blue] ทุกเสียงของท่านมีความหมาย เห็นทนายความที่โพสข้อความอยู่ข้างบน บอกว่า[color=red]ไม่เห็นมีใครร้องเข้ามาเลย[color=blue] เราต่างกำลังคิดว่าเรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่ของคนอื่น......โปรดเสียสละด้วยค่ะ....โปรดแสดงความรู้สึกว่าท่าน ไม่เห็นด้วยกับสภาฯ
[/color][/color][/color][/color][/color][/color][/color]
จำนวนเสียงมีผลทางจิตวิทยามากค่ะ โปรดช่วยกันคนละไม้คนละมือ โปรดเสียสละ


เห็นด้วยกับการขอให้ศาลปกครองพิจารณา
อยากให้ข้อบังคับนี้ไม่มีผลในเรื่องของการบังคับให้เป็น 6 ปีทั่วประเทศ ให้มีได้ทั้ง 5 และ 6 หรือไม่ก็ขอฝันหวานสักหน่อย อาจจะได้มาคุยกันหาทางออกได้อย่างสวยงามกว่าการใช้ all or none law อย่างในตอนนี้

จะได้มีคนกลางมาจัดกติกาการคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
ที่ผ่านมา ไม่มีการคุยที่ชัดเจน ไม่มีเวที ไม่มีกติกา แล้วก็ไม่มีส่วนร่วม

การพิจารณาในศาลปกครองจะเป้นจังหวะที่ทั้งคนเห็นต่างและเห็นแย้งจะต้องทำการบ้านมา
ดังนั้น...
จะเป็นจังหวะที่ดีที่จะได้เห็นกันชัดๆว่าอะไรที่ดีสำหรับสังคมไทย
ศาลน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดี

หลายๆคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน ก็อาจจะมีความเห็นต่างๆกันไป
แต่ถ้าท่านใดสนใจแลกเปลี่ยน หรือต้องการคุยเรื่องศาลปกครองให้ชัดขึ้น
email มาที่ wannee@hotmail.com ก็ได้ค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย wannee เมื่อ 16 มิ.ย. 2008, 23:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย Epinephrine » 16 มิ.ย. 2008, 16:18

สนใจ และพร้อมเป็นแนวหน้าเรื่องการฟ้องครับ

รอไม่ได้แล้ว
ชีวิตสั้นกว่าที่เราคิดไว้เสมอ
-----------------------------------------------
รักษาความเป็นวิชาชีพ
Welcome to Pharmatographer's Site
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Epinephrine
 
โพสต์: 216
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2006, 17:33
ที่อยู่: กรุงเทพ

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย zartingtong » 24 มิ.ย. 2008, 19:19

ที่ฟ้องศาลปกครองขอมาตรการคุ้มครองเรื่องใดบ้างคิดหรือยังครับ โดยเฉพาะรุ่นน้องที่เข้าปีนี้หรือเรียนอยู่แล้วเกิดตกจนต้องเรียนซ้ำชั้นเกินกว่า พ.ศ.ที่กำหนด

:lol: :lol: :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 24 มิ.ย. 2008, 21:15

ตอบไปแล้วทางหลังไมค์  :lol: (เรียกแบบนี้ได้ป่าวนะ)

เมื่อสักครู่นี้ เข้าไปดูว่ามีคนเข้ามา d/l file ผลการสำรวจไปแล้วมากน้อยแค่ไหน

504 ครั้ง

น่าสนใจ น่าสนใจ
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย pharjung » 26 มิ.ย. 2008, 21:28

wannee เขียน:ตอบไปแล้วทางหลังไมค์  :lol: (เรียกแบบนี้ได้ป่าวนะ)

เมื่อสักครู่นี้ เข้าไปดูว่ามีคนเข้ามา d/l file ผลการสำรวจไปแล้วมากน้อยแค่ไหน

504 ครั้ง

น่าสนใจ น่าสนใจ



พี่คะ ก็น่าสนใจจริงอยู่ แต่ถ้า download แล้วเงียบ.....มันก็เท่านั้นค่ะ.....

น้องอยากทราบว่าตอนนี้ดำเนินการกันไปถึงไหนแล้วคะ ถ้าต้องการรายชื่อ น้องก็เป็นอีกคนที่จะสนับสนุน ชื่อและเลขที่ใบประกอบ (ถ้าต้องใช้) พร้อมให้เสมอ...
ความรักจะยังคงเป็นสิ่งที่สวยงาม หล่อเลี้ยงหัวใจให้เต็มเปี่ยมด้วยความสุข ตราบเท่าที่เราไม่คิดพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงและครอบครองมัน!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
pharjung
 
โพสต์: 125
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2006, 10:19
ที่อยู่: ปทุมธานี

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 26 มิ.ย. 2008, 22:56

pharjung เขียน:[
พี่คะ ก็น่าสนใจจริงอยู่ แต่ถ้า download แล้วเงียบ.....มันก็เท่านั้นค่ะ.....

น้องอยากทราบว่าตอนนี้ดำเนินการกันไปถึงไหนแล้วคะ ถ้าต้องการรายชื่อ น้องก็เป็นอีกคนที่จะสนับสนุน ชื่อและเลขที่ใบประกอบ (ถ้าต้องใช้) พร้อมให้เสมอ...



ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ขอบคุณจากใจ :heart:

ตอบทาง email ไปแล้วนะคะ  :D :D
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 29 มิ.ย. 2008, 22:13

เอามาแบ่งกันอ่านค่ะ เผื่อบางคนไม่ได้รับ หรือได้รับแล้วแต่ยังไม่มีเวลาเปิดดู

มีความหมายทั้งในบรรทัดและระหว่างบรรทัดค่ะ

บทความจากจดหมายข่าวสภาเภสัชกรรม ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน
แก้ไขล่าสุดโดย wannee เมื่อ 29 มิ.ย. 2008, 22:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
อีก 20 ปีข้างหน้า คุณอาจจะเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง สายตรงถึงสภาเภสัชกรรม

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document