ดูเหมือนท่านนายกสภาเภสัชกรรมจะไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมการกำหนดให้ปรับหลักสูตรเภสัชศาสตร์เป็น 6 ปีทั้งหมดของท่านจึงถูกต่อต้าน (ท่านเอ่ยขึ้นในระหว่างการประชุมชี้แจงเรื่อง ทิศทางการพัฒนาหลักสูตรเภสัชศาสตร์ ที่คณะเภสัชศาสตร์ มข. เมื่อวันที่ 13 กพ.2551) ซึ่งความจริงผู้คัดค้านก็ได้มีความพยายามเผยแพร่เหตุผลที่คัดค้านอย่างต่อเนื่องมาครั้งแล้วครั้งเล่าในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายต่อหน้าท่านในระหว่างการประชุมหลายครั้ง การทำหนังสือโดยสมาชิก 63 รายชื่อส่งถึงมือท่าน การส่ง email ถึงสภาฯ รวมทั้งการเผยแพร่ทาง webblog ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อท่านยังไม่เข้าใจ (ไม่ทราบว่าเพราะท่านยังไม่เคยอ่านและฟังเลยหรือไม่) ดิฉันก็ใคร่ขอทบทวนโดยย่ออีกครั้ง เผื่อครั้งนี้ท่านจะได้อ่านบ้าง นั่นคือ
1.เหตุผลที่ท่านอ้างเพื่อปรับหลักสูตรนั้น ไม่เพียงพอให้ยอมรับ เนื่องจากมีบางข้อฟังไม่ขึ้น (เช่น การเรียน 5 ปีมีจำนวนหน่วยกิตมากกว่าเกณฑ์จึงต้องปรับเป็น 6 ปี เพราะความจริงในหลักสูตร 6 ปีก็มีหน่วยกิตต่อปีเท่าเดิม) มีบางข้อ แม้จะมีมูลแต่แก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขอย่างเพียงพอ (เช่น การที่บัณฑิตจบแล้วทำงานเลยยังไม่ได้ เพราะความจริงเรามีแหล่งฝึกงานที่มีคุณภาพไม่เพียงพอ) และมีบางข้อ ท่านเองเป็นคนทำให้เกิดปัญหาขึ้น (เช่น การมีทั้งหลักสูตร 5 ปีและ 6 ปีในเวลาเดียวกัน) ฯลฯ
2.วิธีการที่ท่านดำเนินการเป็นการรวบรัดขั้นตอน ปิดกั้นโอกาสแสดงความคิดเห็นแย้งของสมาชิก ซึ่งประเทศไทยพัฒนาระบอบประชาธิปไตยมาไกลเกินกว่าที่จะทำได้ด้วยวิธีนั้นแล้ว อีกทั้งปัจจุบันสมาชิกจำนวนมากล้วนผ่านการศึกษามาจากต่างประเทศจนถึงปริญญาเอกหรือเคยรู้จักประเทศเหล่านั้น รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลก็ทำได้ง่าย การกล่าวอ้างถึงการพัฒนาให้เหมือนประเทศเหล่านั้นว่าจะทำให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ จึงใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากสมาชิกก็ล้วนมีข้อมูลไม่น้อยไปกว่าที่ท่านมี
3.ผู้คัดค้านยังมีเหตุผลอื่นประกอบอีกหลายข้อทำให้ไม่แน่ใจถึงผลดีผลเสียโดยรวมที่จะดำเนินการ จึงเพียงประสงค์จะให้ชะลอการดำเนินงานไว้ก่อน จนกว่าจะได้ศึกษาประเมินผลให้รอบด้านอย่างเป็นระบบก่อนในฐานะนักวิชาการ มิใช่ใช้มติหรือความเห็นที่ได้ตกลงกันไว้ในที่ประชุมต่างๆเมื่อกว่า 10 ปีก่อนมาปัดฝุ่นผลักดันเลย เนื่องจากสถานการณ์ในกว่า 10 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมาย
ข้อเสียที่เห็นง่ายๆก่อนการประเมิน ก็คือ การเปลี่ยนหลักสูตรจาก 5 ปีเป็น 6 ปี ของการศึกษาหลักสูตรเภสัชศาสตร์หมายถึงต้นทุนมหาศาลของประเทศถึงประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี เมื่อรวมค่าใช้จ่ายต่อหัวสำหรับการศึกษา ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของนศ.เอง และค่าเสียโอกาสในการรับรายได้ใน 1 ปีที่เสียไป (อ้างจาก
http://pharmcom.multiply.com/journal/item/5 โดย pharmacom วันที่ 11 กพ.2551) นี่น่าจะยังไม่ได้คำนวณกรณีที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบหรือเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ต้นทุนจำนวนนี้คุ้มค่าหรือไม่กับผลดีที่จะเกิดจากการเรียนเพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งแน่นอนว่าควรได้บัณฑิตที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น(หากใครว่าไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้น คงต้องวิเคราะห์อีกยาวและผู้ที่ต้องรับผิดไปเต็มๆ คือผู้สอน) แต่การลงทุนใดๆควรต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะรับกลับคืนมาด้วย คำถามคือ สภาฯมีหลักประกันใดว่าแหล่งงานต่างๆที่เคยเป็นแหล่งงานของวิชาชีพจะยังยินดีรับบัณฑิตหลักสูตร 6 ปีเท่ากับการรับหลักสูตร 5 ปี โดยให้รายได้เหมาะสมกับคุณภาพ สมมุติว่าถ้าการจัดการศึกษาด้วยหลักสูตร 5 ปีในปัจจุบัน ให้โอกาสในการทำงานที่หลากหลาย รายได้ที่เหมาะสมขนาดนี้ แล้วหลักสูตร 6 ปี กลับทำให้ความหลากหลายในโอกาสงานหมดไป หรือต้องยอมรับรายได้เท่าเดิม เราจะลงทุนไปทำไม ฯลฯ
อยากยืนยันอีกครั้งว่าผู้ที่คัดค้านมิใช่เพราะไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่ที่คัดค้านเพราะอยากให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นผลดีที่สุดต่อวิชาชีพต่างหาก
กรรมการสภาเภสัชกรรมที่เคารพ ช่วยฟังด้วยเถอะค่ะ